Welcome to Blog ห้องสมุดความรู้ หากท่านถูกใจ ฝากกดแชร์( Like) (G+) (Tweet) ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้จัด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ #4289

วางแผนการขาย

หลัก อิทธิบาท 4 เป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหมายถึงสิ่งซึ่งมีคุณธรรม ความจริงแล้วหลักคำสอนดังกล่าวเป็นเรื่องที่สากลมาก คุณสามารถนำไปเป็นหลักคิดหรือแนวทางในการปฏิบัติตนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ ตาม ทั้งในการทำงาน การศึกษา การดำเนินชีวิตในทุกด้าน แม้แต่คุณจะเสนอขายสินค้าบางอย่างให้แก่ลูกค้า ก็สามารถนำหลักอิทธิบาท 4 มาเป็นแนวทางในทำงานด้านการขายของคุณได้

อิทธิบาท นั้นมีทั้งหมด 4 ข้อปฏิบัติ ได้แก่                 
  1. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น  คุณควรมีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ นั่นคือการงานในอาชีพของคุณ นี่คือพื้นฐานง่ายๆ ของเคล็ดลับการทำงานใดๆ ในประสบความสำเร็จ หากคุณเชื่อและรักในสิ่งที่ทำ ซึ่งก็เปรียบเสมือนทำให้งานคุณประสบความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว
  2. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น การมีความขยันและตั้งใจจริงที่จะดำเนินสิ่งใดที่คุณปรารถนาให้ลุล่วง ก็จะเกิดความคิดมุ่งไปที่เป้าหมายดังล่าว คุณต้องพากเพียร อดทน ไม่ท้อถอย เช่นหากคุณลองตั้งเป้าหมายว่า คุณต้องการเสนอขายงานชิ้นนี้ให้กับลูกค้าให้ได้ภายในวันนี้หรืออาทิตย์นี้ ก็จะยิ่งเป็นแรงผลักดันให้คุณเกิดความพยายามที่ก้าวไปให้สำเร็จตามจุดมุ่ง หมาย โดยไม่ท้อถอย แม้จะต้องล้มเหลวไปกี่ครั้งก็ตาม
  3. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น เป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากวิริยะ เมื่อมีความขยันและตั้งใจจริงแล้ว ลำดับต่อมาก็คือ “ความทุ่มเท”ให้กับสิ่งหรือเป้าหมายที่คุณต้องการ และตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำและทำสิ่งนั้นด้วยความคิดที่แน่วแน่ ไม่ไขว้เขว ไม่ทอดทิ้งความตั้งใจที่มี ในการจะเสนอขายสินค้า และควรจดจำให้วัตถุประสงค์หรือความมุ่งมั่นดังกล่าวเอาไว้ในใจเสมอ จนกว่าจะสำเร็จลุล่วง
  4. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น หรือความไตร่ตรอง ทบทวน ตรวจสอบนั่นเอง ทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดในสิ่งที่คุณได้ทำลงไปหรือกำลังทำอยู่ เพื่อนำมาแก้ไขจุดอ่อน จุดด้อยของตัวเอง และเป็นประสบการณ์ที่จะเอาไว้ใช้ในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลสำเร็จย่อมขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติเองที่จะสามารถปฏิบัติได้อย่างเคร่งคัด หรือไม่ หากปฏิบัติได้อย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมประสบความสำเร็จเช่นที่คุณวางเป้าหมายไว

การ ทักทาย ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในทางบวก ( Positive Relations) การทักทายจัดได้ว่าเป็นพรแสวงที่ทุกคนสามารถสร้างให้เกิดขึ้นมาได้ บุคคลที่รู้จักวิธีการทักทายผู้อื่นอย่างเหมาะสมด้วยกาลเทศะ เทคนิค และระดับของผู้ที่ถูกทักทายแล้วล่ะก็ บุคคลผู้นั้นย่อมมีเสน่ห์ชวนคบหาสมาคมด้วย การทักทายจึงเป็นเสมือนต้นน้ำของการสร้างสรรเสน่ห์ให้กับตนเองที่มีต่อบุคคล ต่าง ๆ ที่เป็นลูกค้าของตน ทั้งนี้รูปแบบและเทคนิคของการสร้างสัมพันธภาพที่ดีด้วยการทักทายมีได้หลาก หลายวิธีการ ซึ่งดิฉันขอเสนอลักษณะของการทักทายที่สร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นด้วยวิธี การง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
ทักทายด้วยการคำพูด “ สวัสดี” คุณสามารถกล่าวคำ “ สวัสดีค่ะ ” หรือ “ สวัสดีครับ ” ได้กับทุก ๆ คน คำพูดง่าย ๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้กับทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ไม่รู้จักมาก่อน หรือเป็นลูกค้าที่สนิทสนมด้วยแล้วก็ตาม เพราะการทักทายด้วยคำพูดเวลาเจอหน้ากันนั้นย่อมดีกว่าที่เราไม่ได้พูดคุย อะไรกันเลย เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำที่ออกจากปากของคุณ จะเป็นเหมือนเชือกร้อยใจให้เกิดการสานต่อ ซึ่งอาจจะเป็นทางด้านธุรกิจต่อไปในอนาคต
ทักทายด้วยการ “ไหว้” การฝึกฝนตนเองให้มือไม้อ่อนไว้ ก่อนจะดีกว่าค่ะ ยิ่งถ้าคุณจะต้องไปพบเจอกับลูกค้าที่อาวุโสกว่า หรือมีคุณวุฒิมากกว่า หรือเป็นลูกค้าใหม่ที่คุณจะต้องไปทำความรู้จักพวกเขา คุณควรแสดงการทักทายด้วยการไหว้ แบบสองมือพนม การไหว้เป็นกิริยามารยาทที่สุภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของคนไทย การไหว้ที่ดีมิใช่สักแต่ว่าจะไหว้ การไหว้ที่ดีนั้นคุณเองควรจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นพนม แล้วค่อย ๆ ก้มศีรษะเพื่อเป็นการแสดงความเคารพนอบน้อมบุคคลที่คุณไหว้ด้วย ซึ่งคุณเองจะยิ่งมีเสน่ห์มาก หากคุณไหว้ด้วยพร้อมกับเอ่ยคำทักทายด้วยคำว่า “ สวัสดี ”
ทักทายด้วย “ รอยยิ้ม” ยิ้มเท่านั้นที่สามารถชนะใจลูกค้าได้ คนที่มีรอยยิ้มหรือเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ บ่งบอกได้ว่าเป็นคนที่อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี เป็นบุคคลที่น่าคบหาสมาคมด้วย การผูกมิตรที่ง่ายและสามารถทำได้อีกวิธีการหนึ่งก็คือ การสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้น ควรจะเป็นการยิ้มแบบออกจากใจจริง
ทักทายด้วยการ “ ผงกศีรษะ” การแสดงความต้องการที่จะ ทักทายผู้อื่น ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้คำพูดเพียงอย่างเดียว คุณสามารถแสดงกิริยาท่าทางด้วยการผงกศีรษะกับลูกค้าของคุณซึ่งอาจจะเป็น ลูกค้าที่ไม่สนิทสนมด้วย รู้จักกันแบบผิวเผิน หรือเคยเห็นหน้า เห็นตากันมาบ้าง นอกจากนี้คุณสามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ที่กำลังรีบเร่ง แต่บังเอิญพบเจอกับลูกค้า ซึ่งตัวคุณเองยังไม่มีเวลาแม้แต่จะกล่าวคำว่าสวัสดี คุณสามารถเลือกใช้การทักทายกับลูกค้าด้วยวิธีการนี้ได้ โดยส่วนใหญ่การทักทายด้วยวิธีนี้จะกระทำควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างรอยยิ้ม
ทักทายด้วยการ “ ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไป” หากคุณรู้จักลูกค้าของตนเองดี รู้ว่าเขาชอบ ไม่ชอบอะไร คุณสามารถนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นที่จะทักทายเพื่อเริ่มต้นการพูดคุย กับลูกค้าของคุณต่อไปได้ หรือคุณนำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดมาชี้นำหรือตั้งเป็นประเด็นคำถาม เพื่อทักทายลูกค้าที่รู้จักก็ย่อมได้
ทักทายด้วยการ “ ให้ของฝาก” คุณไม่จำเป็นต้องทักทายลูกค้าแบบเผชิญหน้าก็ได้ค่ะ ซึ่งคุณเองสามารถซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากใครก็ได้ส่งให้กับลูกค้าของคุณเอง เป็นการผูกใจลูกค้าค่ะ พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจกับมูลค่าของของฝากที่คุณมอบให้มากนัก แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือ ความเอาใจใส่ที่คุณได้มอบให้มากกว่า เป็นการซื้อใจลูกค้า เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้รับจะรู้สึกดีและประทับใจกับของฝากที่คุณมอบให้ ทั้งนี้การซื้อของฝากควรจะพิจารณาให้เหมาะสมกับวาระ โอกาส เหตุการณ์ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าด้วย
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นฝ่ายที่ถูกทักทายด้วยแล้ว คุณเองควรจะสนองตอบการทักทายนั้นด้วยเช่นกัน จงอย่าปล่อยให้ผู้ทักทายรู้สึกเสียหน้า หรืออับอาย เนื่องจากคุณไม่ยิ้มให้ หรือไม่พูดด้วยเลย เพราะเมื่อเกิดความรู้สึกเช่นที่ว่านี้แล้ว แน่นอนว่าต่อไปบุคคลนั้นอาจจะไม่เข้ามาทักทายคุณอีกต่อไปก็เป็นได้ และเหตุการณ์เช่นที่ว่านี้จะส่งผลต่อสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นในทางลบ จงอย่ารอให้ลูกค้าเข้ามาทักทายคุณก่อน การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตัวเราควรจะเป็นฝากรุก รุกเข้าหาลูกค้าเพื่อสานต่อความผูกพัน อันนำมาซึ่งเสน่ห์ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากการทักทายในรูปแบบที่แตกต่าง กันออกไป
 ป็น นักขาย ใช่ว่าคุณจะขยันแต่ขายหรือทำยอดเพียงอย่างเดียว แต่คุณต้องพัฒนาศักยภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลาไปด้วย นี่คือ10 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณพัฒนาทีมขายให้ประสบความสำเร็จ


  1. หันมาเสนอขายแต่กับคนที่มีอำนาจตัดสินใจซื้อจริงๆ เท่านั้น
  2. สอนให้พวกเขาเป็นนักฟังที่ดี เพราะสิ่งที่ดีที่สุดคือการฟังและเข้าใจว่าความต้องการของลูกค้าคืออะไร ไม่ใช่คิดเพียงแค่จะขายสินค้าเท่านั้น
  3. หาเป้าหมายให้เขา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทีมขายของคุณ ว่าเขาควรจะบริหารงานขายของเขาอย่างไรต่อไป
  4. คอยกระตุ้นให้ทีมขายของคุณมีความกระตือรือร้นและแอ็คทีฟกับงานขายอยู่เสมอ
  5. หลังกระตุ้นแล้ว ให้กำลังใจเมื่อทีมขายทำผลงานได้ดี ซึ่งถือเป็นจิตวิทยาที่ดีอย่างหนึ่งในการสร้างกำลังใจให้กับลูกทีม
  6. การตั้งเป้าหรือยอดขายที่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของธุรกิจและ สถานการณ์ในช่วงนั้น ไม่ใช่การตั้งเป้าที่ต่ำเกินไป หรือสูงมากเกินไปจนไม่สามารถทำตามเป้าที่ตั้งไว้ได้ ทีมคุณก็จะรู้สึกท้อถอย
  7. ให้กำลังใจด้วยคำพูด และการให้ความสำคัญกับเขา ในฐานะของความเป็นทีมเดียวกัน
  8. เปิดรับฟังความคิดเห็น คำตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์จากลูกค้าทั้งในแง่บวกและลบ แล้วนำมาปรับปรุงทีม
  9. รู้จักตลาดอย่างแท้จริง รวมทั้งรู้จักลูกค้า หรือแม้แต่ธุรกิจของเองด้วย
  10. อย่าใช้วิธีเสนอขายลูกค้าแบบเดิมๆ แบบเดียว แต่ใช้อาจใช้หลายวิธีการเสนอขาย เช่น ส่งพนักงานไปเสนอขายโดยตรง การขายทางโทรศัพท์ การใช้ไดเร็คเมล์ เป็นต้น เพราะลูกค้าแต่ละรายจะให้การตอบรับการเสนอขายที่แตกต่างกัน

ทำความสะอาดจอคอมพิวเตอร์

ใน โลกทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์ ได้กลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญ ที่มีอิทธิพลอย่างมากในชีวิต ของเรา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน การสื่อสาร หรือ ให้ความบันเทิง แหละเพราะประโยชน์ ใช้สอยที่มากอย่างนี้ไงเล่า เราจึงจำเป็นจะต้องรู้จักวิธีดูแลรักษา คอมพิวเตอร์ตัวเก่งของเรา ให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและคุ้มค่าที่สุด

แต่ถ้าหากคุณคือ มือใหม่หัดคลิ๊ก และไม่รู้ว่าจะต้องดูแลเจ้าสมองกลอย่างไรแล้วละก็ ไม่ยากหรอกค่ะ ไม่เชื่อลองดูซิคะ !

ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย แล้วฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าที่ชุบน้ำพอหมาดๆ จากนั้นนำมาเช็ดให้ทั่วทั้งตัวคอมฯ และกรอบจอคอมฯ ระวังอย่าให้มีน้ำยา หรือ น้ำหยดลงบน ตัว หรือ จอคอมฯ เสร็จแล้วก็ปล่อยไว้ให้แห้ง การทำความสะอาดตัว และกรอบจอคอมพิวเตอร์นั้น สามารถทำได้ เพียงปีละ 2 ครั้ง

Keyboard
หลังจากลองใช้ งานไปซักระยะ เศษขนม นมเนย หรือ ผงฝุ่น เส้นผม อาจจะหลุดร่วง ลงไปตามซอกของเจ้าคีย์บอร์ดบ้าง แต่หลายคนอาจจะคิดว่า คงยากที่จะแซะ เอาซากเหล่านั้นออกได้ อย่ากังวลไปเลยค่ะ เพราะมันไม่ยากเลยซักนิด

1.ปิดเครื่องคอมฯก่อน และถอดสายพ่วง ตัวคีย์บอร์ดออก

2. เพื่อความสะดวกในการขจัดคราบ และผงต่างๆ ออก ให้คุณ คว่ำแป้นคีย์บอร์ดลง แล้วค่อยๆ เขย่าอย่างระมัดระวัง

Mouse
3. จากนั้นใช้เครื่องเป่า เป่าเอาเศษต่างๆ ออก

4. ยกคีย์บอร์ดขึ้น และพลิกกลับอีกครั้ง จากนั้นใช้หัวฉีด ก้านยาวที่ติดมากับเครื่องเป่า ทำความสะอาดบริเวณระหว่างช่อง ของแป้นตัวอักษร แต่ละตัว

5. นำผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาด มาเช็ดให้ทั่วแป้นพิมพ์ หากมีเศษ เล็ก ๆ หรือ คราบที่ติดอยู่ตรงซอกลึก ๆ ก็ให้ใช้ สำลีแบบก้าน ชุบน้ำยา แล้วนำมาเช็ดอีกที

6. สุดท้าย เพียงแค่ปล่อยให้คีย์บอร์ดแห้ง แล้วก็ต่อมันเข้ากับสายพ่วง ของคอมพิวเตอร์อีกที อ้อ ! ขอเตือนนิดนะคะว่า ทางที่ดี ควรจะจัดตารางทำความสะอาด คีย์บอร์ด ทุก ๆ 3 เดือน จะดีที่สุด

ถอดสายพ่วงเม้าส์ออกจากตัวคอมฯ แล้วเริ่มทำความสะอาดจากกรอบภายนอก ด้วย ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาด ในกรณีที่เป็น ออพติคอล เม้าส์ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเม้าส์ของคุณ เป็นแบบลูกกลิ้ง อยู่ด้านใน ต้องคว่ำเม้าส์ลง แล้วหมุนฝาปิดออก จริงๆ แล้ว ใช้เพียงผ้าแห้งเช็ดด้านในก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเม้าส์ ลูกกลิ้ง และบริเวณภายในมันดูสกปรกเกินไป ก็ให้ใช้น้ำ หรือ น้ำยาทำความสะอาดด้านในได้ ในส่วนของเม้าส์ ควรจะทำความสะอาด บ่อยๆ คือ เดือนละครั้ง จะช่วยให้เม้าส์ใช้งานได้สะดวก ไม่ตะกุกตะกัก

Screen
ส่วนหน้าจอคอมฯ เป็นส่วนที่ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำความสะอาดมาก ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการพ่นหรือ ฉีดน้ำยาโดยตรง ควรจะใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาดๆ ในการเช็ด ทำความสะอาดแทน สำหรับจอ CRT ที่เป็นจอแก้ว (Cathode Ray Tube) ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด แต่ถ้าเป็น จอLCD จำไว้ว่า ให้ใช้เพียงผ้าแห้งเท่านั้นในการเช็ด แต่ถ้าไม่สามารถ ทำความสะอาดได้หมด ก็ให้ใช้ผ้าชุบน้ำ แต่ให้หมาดที่สุด ไม่ต้องชุ่มมาก มาเช็ด แต่เพื่อความสะอาดที่ล้ำลึก อาจจะใช้ผ้าชุบ แอลกอฮอล์แบบ isopropyl alcohol แล้วนำมาเช็ดก็ได้

อย่างไรก็ดี ควรหลีกเลี่ยงการนำกระดาษเช็ดมือ (paper towels) มาเช็ดหน้าจอที่เป็นแบบ LCD เพราะกระดาษประเภทนี้ อาจจะทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนจอสวยๆ ของคุณก็ได้นะคะ อ้อ ! แล้วก็ จอคอมฯ ก็เหมือนกับแก้ว หรือ กระจกนั่นแหละค่ะ ยิ่งทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน ก็ยิ่งสะอาดมาก ขึ้นเท่านั้น

Inside
บริเวณภายในคอมพิวเตอร์ เป็นอีกส่วนที่ทำความสะอาดยาก เพราะมักจะมีฝุ่น ผง หรือ ขนสัตว์หลุดเข้าไปติดอยู่เสมอ ดังนั้น คุณจึงควรทำความสะอาดทุกครั้ง ที่มีโอกาส โดยเริ่มจากการถอด ฝาด้านนอกออก ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ตามคู่มือ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เครื่องเป่า เป่าฝุ่น และเศษผง หรือ ขน ต่างๆ ออกให้หมด ในขณะที่ทำการเป่า ต้องระวังให้มาก อย่าให้เครื่องเป่าถูกชิ้นส่วนใดในเครื่อง และตั้งเครื่องเป่าให้อยู่ให้ถูกตำแหน่ง อย่าตั้งเครื่องเป่าลง เพราะมันอาจจะสร้างความเสียหายแก่ ชิ้นส่วนภายในของ เครื่องคอมฯได้

สุดท้าย ให้ประกอบชิ้นส่วนที่ถอดออกมากลับเข้าไปคืนให้หมด สำหรับบริเวณภายในเครื่องคอมฯนี้ ควรทำความสะอาดปีละครั้งก็พอ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถยืดอายุ การใช้งานของมันไปได้อีกนานโข

Printer
อันดับแรก ต้องปิดเครื่องปริ้นท์ก่อน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำยา เช็ดให้ทั่วบริเวณเครื่องปริ้นท์ ในกรณีที่มีหมึกเลอะ ให้ใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์นำมาเช็ดอีกที คราบหมึกก็จะสลายไปทันตา

Scanner
เช่นเดียวกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องถอดปลั๊กออก ให้เรียบร้อยก่อนเสมอ จากนั้น ใช้น้ำยาชนิดเดียว ที่ใช้ทำความสะอาดกระจก มาฉีดลงบนผ้าชื้น ๆ เสร็จแล้วยกฝาเครื่องสแกนขึ้น แล้วเช็ดส่วนที่เป็นจอ และอื่นๆ ให้สะอาด ก่อนจะเช็ดด้วยผ้าแห้งอีกสองสามครั้ง

เป็นอย่างไรกันบ้าง คะ กับทิปส์ง่ายๆ ที่เรานำมาฝากกันในคราวนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมละคะ เพียงทำตามวิธีของเรา แม้ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงร่างเล็ก ๆ ก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ ค๊าาาา.......