Welcome to Blog ห้องสมุดความรู้ หากท่านถูกใจ ฝากกดแชร์( Like) (G+) (Tweet) ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้จัด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ #4289

"แนะนำ 10วิธีคลายเครียดที่น่ารู้"

"แนะนำ 10วิธีคลายเครียดที่น่ารู้"
เราได้ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์มาหลายสัปดาห์แล้วนะคะ พักเรื่องอาหารกันสักนิด วันนี้มีวิธีที่จะคลายความเครียดมาแนะนำเพื่อให้เรามีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ดีไหมคะ

1. ออกกำลังกาย -- ใครๆก็พูดได้ว่าออกกำลังกายซิ แต่น้อยคนนักที่จะทำให้เป็นกิจวัตร ได้ เนื่องจากไม่มีเวลา ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง ตื่นเช้าไม่ไหว อุปกรณ์แพง ฯลฯ ความจริงแล้วคุณควรจะหาเวลาของแต่ละวันอย่างน้อย 30 นาที ในการออกกำลังกาย โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ถ้าคุณไม่ต้องการสิ้นเปลืองกับค่าอุปกรณ์ คุณก็น่าจะเลือกการวิ่งหรือเดิน หากเป็นสูงอายุหรือเป็นผู้ที่ไม่ต้องการการกระแทก ว่ายน้ำ,โยคะ, ไทชิ ,หรือ พาลาทีส์ ก็อินเทรนน์ ไม่เลวนะคะ หากอยากมีแรงจูงใจในการออกกำลังกาย ขอแนะนำกีฬาที่เล่นเป็นหมู่คณะอันได้แก่ แบตมินตัน กอลฟ์ ฟุตบอล หรือ เทนนิสที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้
กีฬาจะทำให้เราได้ระบายออกซึ่งแรงขับของจิตใจในด้านต่างๆ เช่น ความคับข้องใจ ความโกรธ ความเสียใจ ไม่พอใจ แถมยังได้สารสื่อความสุขหรือสารเอนโดฟินกลับมาด้วยแล้วคุณก็จะรู้สึกสดชื่นและหลับสบายอีกด้วยค่ะ

2. พูดระบายความเครียด -- พูดค่ะ ระบายความเครียดออกมาเลย แต่ต้องเลือกบุคคลที่คุณคิดว่า ปลอดภัย หวังดี ไม่มีพิษภัยกับตัวคุณ และควรมีความอดทนสูงในการฟัง หรือถ้าหาไม่ได้ก็นี่เลยค่ะ สัตว์เลี้ยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น หมา แมว ปลาทอง จิ้งจก แมลงต่างๆก็ได้ ระบายให้มันฟัง (แต่อย่าลืมปิดประตูลงกลอนด้วย มิเช่นนั้น คนอื่นมาพบเข้าจะหาว่าคุณบ้าพูดคนเดียว) เพราะเวลาที่เราได้ระบายออก เท่ากับเราได้ทบทวนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานต่างๆ ให้บริการด้วยค่ะ

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ -- การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่ แต่ควรเตรียมความพร้อมในการนอนหน่อยนะค่ะ โดยเลือกสถานที่และเครื่องนอนสะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิพอเหมาะ มีเสียงหรือแสงที่รบกวนคุณไม่มากนัก โดยกำหนดจิตใจก่อนนอนว่า ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน แล้วหลับโลดค่ะ ี

4. อาหารคลายเครียด -- กลับมาเรื่องอาหารกันซักนิด อย่างที่เคยบอกไปแล้วนะคะว่าอาหารสามารถลดความเครียดของคุณได้ด้วย วันนี้จะมาย้ำอีกครั้งนะคะ อาหารที่ช่วยคลายเครียดให้คุณได้อย่างดี ได้แก่
1.- ทริปโตฟาน (1-2 กรัม ก่อนนอน) พบได้ใน ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์
2.- วิตามินบี 6 (40 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก
3.- วิตามินบี 3 (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบใน ตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์
3.- สารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม กระเทียม ดอกไม้จีน

5. พักผ่อนท่องเที่ยว -- ข้อนี้ขอ Confirm ว่าจริงค่ะ เพราะคนเราก็เหมือนเครื่องยนต์ ต้องการช่วงพักไปทำการ reboot ใหม่ การที่ได้ไปท่องเที่ยวเห็นบรรยากาศทิวทัศน์สวยงามแปลกหูแปลกตา ไปเจอผู้คน ก็ช่วยกระตุ้นมุมมองชีวิตใหม่ๆ ฝรั่งเขาถึงมีช่วงพักร้อนยาว และให้ความสำคัญอย่างมาก วางแผนล่วงหน้ายาวทีเดียว เมื่อถึงเวลาก็ไปพักผ่อนทันที เมื่อกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว คุณก็จะกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ


6. ดนตรีคลายเครียด -- หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยดนตรีหรือดนตรีบำบัดมาแล้วนะคะ ทั้งนี้ก็เพราะดนตรีช่วยทำให้คุณอารมณ์เยือกเย็นลง ผ่อนคลาย ใจสงบ ดนตรีบำบัดมีทั้งเพลงบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีชนิดเดียวหรือหลายชนิด เพลงที่มีเสียงคลื่นทะเล เสียงนก เสียงน้ำไหล ฯลฯ หากคุณได้ปิดไฟ จุดเทียน และฟังเพลงเบาๆ หลังจากนั้นก็หลับไปแล้วละก็ ตื่นขึ้นมาน่าจะสดใสหายเครียดได้เยอะเลยล่ะค่ะ

7. กลิ่นบำบัดอโรมาเทอราปี -- วิธีต้องแนะนำไว้ด้วย เดี๋ยวout ค่ะ กลิ่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งของการรับรู้ทางสัมผัสที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดี คุณอาจลองจุดธูปหอมกลิ่นที่สดชื่น หรือหยดน้ำมันหอมระเหย ในขณะนอนหรือทำงานเพื่อผ่อนคลายไปด้วย หรือจะแช่น้ำอุ่นๆ ก็ไม่เลวคะ กลิ่นที่เหมาะสมแล้วแต่ชอบและรู้สึกผ่อนคลาย โดยเลือกจากการดมว่ากลิ่นไหนทำให้รู้สึกดี ให้พลัง หรือช่วยผ่อนคลาย กลิ่นที่น่าสนใจ เช่น กลิ่นไม้จันทน์หอม กลิ่นกำยาน สำหรับผ่อนคลาย กลิ่นการบูน กลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว สำหรับสร้างความสดชื่น

8. ฝึกหายใจคลายเครียด -- การหายใจช่วยนำอากาศบริสุทธิ์ เข้าสู่ปอด แล้วเดินทางสู่สมองไปตลอดทั่วร่างกาย ลองหายใจโดยการหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สังเกตว่ากระบังลมขยายออก ท้องป่องออก จากนั้นค่อยๆ หายใจออกช้าๆ ไล่ลมให้ออกมากที่สุด ตอนนี้กระบังลมคุณจะหดสั้นลง ท้องจะแฟบ ถ้าช่วงแรกไม่ถนัดก็เอามือแตะท้องเพื่อปรับและเข้าใจสภาพป่องแฟบของท้องจากการหายใจก่อนแล้วฝึกไปเรื่อยๆ
9. ฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ -- โดยนำเอาหลักการฝึกหายใจมาประยุกต์ใช้ร่วมด้วย เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมาโดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า คุณสามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน

10.คลายเครียดด้วยการนวด -- ปัจจุบันมีคนสนใจการนวดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น นวดแผนไทย นวดเท้า นวดน้ำมัน นวดรักษาโรคเฉพาะที่ ทำให้มีสถาน บริการเกี่ยวกับการนวดหรือ Spa เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด การนวดเป็นการผ่อนคายกล้ามเนื้อและทำให้เลือดลมสูบฉีด ทำให้ผู้ที่ถูกนวดรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากยิ่งขึ้น การนวดน้ำมันยังทำให้มีผิวพรรณที่ดีอีกด้วย

ทางออกของความเครียดยังมีอีกมากมายค่ะ แต่10วิธีที่แนะนำนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ปลอดภัยด้วยวิธีธรรมชาติค่ะ ความเครียดเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ มีสติ หากรู้ว่าตัวเองเริ่มเครียดแล้วก็ต้องหยุดแล้วลองใช้10วิธีที่แนะนำมาใช้นะคะ

จัดระเบียบชีวิตตัวเองเริ่มต้นได้ง่าย ๆ


ชีวิตที่มีระบบระเบียบนั้นส่งเสริมให้คนเรามีโอกาสก้าวหน้าได้เช่นกัน เนื่องจากคนที่รู้จักบริหารจัดการชีวิตตัวเองได้นั้น จะรู้ว่าควรทำอะไร ทำเมื่อไร และทำอย่างไร ชีวิตของเราก็จะดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีความก้าวหน้าไปทีละขั้น ๆ ตรงข้ามกับชีวิตที่ยุ่งเหยิง ไม่มีการจัดระเบียบตัวเอง ทำอะไรก็ติดขัดมีอุปสรรคเสมอ ในการทำงานนั้นคนทำงานสามารถจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้โดยเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ ๆ ตัวก่อน เพื่อเสริมสร้างนิสัยที่ดีให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ดังนี้
จัดเก็บโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้รกรุงรัง คนทำงานบางคนไม่เคยจัดโต๊ะทำงานเลย เวลานั่งทำงานก็อาศัยแหวกหาที่ว่างที่พอจะทำงานได้เท่านั้น แถมถ้าใครมาจัดให้เป็นต้องหาข้าวของไม่เจอ เพราะมันเรียบร้อยเกินไป ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ผิดที่ผิดทาง เมื่อโต๊ะทำงานของขาดระเบียบ ชีวิตของคุณก็จะขาดระเบียบ ไม่มีระบบ
  1. ลองหันมาจัดโต๊ะทำงานให้สะอาดสะอ้านน่ามอง อะไรที่ไม่จำเป็นก็โละทิ้ง ขาย หรือบริจาคไปเสียบ้าง จัดข้าวของให้เป็นหมวดหมู่ง่ายต่อการค้นหา ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นเยอะ เมื่อมีที่ว่างบนโต๊ะทำงาน คุณก็จะมีที่ว่างสำหรับใช้จินตนาการด้วย และนั่นจะทำให้งานคุณออกมามีคุณภาพดีกว่าที่คิดอีกด้วย เชื่อไหมล่ะ 
  2. เก็บของที่ต้องใช้ตามเทศกาล ตามฤดูกาล หรือตามโอกาสต่าง ๆ ใส่กล่องแยกไว้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นอุปกรณ์สำหรับงานปีใหม่ หรืองานเลี้ยงบริษัท ที่ใช้ปีนี้แล้วก็สามารถเก็บไว้ใช้ปีหน้าได้อีก  แฟ้มเอกสาร ไฟล์เอกสารเก็บไว้ให้สามารถค้นหาได้ง่ายเมื่อต้องการใช้งานอีกครั้ง รวมถึงควรตั้งชื่อให้จดจำง่าย ๆ ด้วย เพราะคนเรามักจะคุ้น ๆ ว่าเคยทำไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน ตั้งชื่อว่าอะไรก็จำไม่ได้อีก อย่างนี้ทำให้ต้องเสียเวลาค้นหานานโดยไม่จำเป็น
  3. เอกสารสำคัญจัดเก็บไว้ในลิ้นชักและล็อกคกุญแจให้เรียบร้อย ขึ้นชื่อว่าเอกสารสำคัญแล้วล่ะก็ ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรวางระเกะระกะ ที่ใครต่อใครก็เปิดอ่านได้ หรืออาจหายได้ หากคุณมีเอกสารส่วนตัว หรือต้องรับผิดชอบในการ เก็บเอกสารสัญญา เอกสารทางการเงินต่าง ๆ ของบริษัท ควรเก็บให้มิดชิดในที่ที่คุณเท่านั้นสามารถเข้าถึงได้
  4. สร้างปฏิทินเตือนความจำถึงสิ่งที่คุณจะต้องทำ ซึ่งอาจจดไว้บนปฏิทินตั้งโต๊ะที่โต๊ะทำงาน หรือในคอมพิวเตอร์ หรือในโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่คุณจะไม่พลาดการนัดหมายต่าง ๆ เช่น กำหนดส่งงาน นัดประชุม นัดหาหมอ วันสำคัญ วันครบกำหนดจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต และอื่น ๆ
  5. จัดเวลาสำหรับวันพักผ่อนของตัวเองด้วย เมื่อทำงานเต็มที่ทั้งสัปดาห์แล้ว คุณก็ควรวางแผนให้รางวัลตัวเองในวันหยุดด้วยงานอดิเรกที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง จัดสวน นัดเจอเพื่อนเก่า หาร้านอาหารอร่อย ๆ รับประทานนอกบ้านกับครอบครัว ผ่อนคลายให้เต็มที่จะได้มีพลังกลับมาทำงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง
หวังว่าพื้นฐานในการเริ่มต้นจัดระเบียบชีวิตตัวเองที่แนะนำมานี้จะเป็นแรงจูงใจให้คนทำงานเริ่มต้นปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
http://th.jobsdb.com

เทคนิคทำงานดี...ไม่มีงานค้าง


  • จัดลำดับความสำคัญของงาน
    เคยสงสัยไหมว่า ทำไมทำงานไม่เคยทัน ทั้ง ๆ ที่คุณก็เป็นคนทำงานเก่ง นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แม้ว่าจะทำงานได้ดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่จัดสรรเวลาให้ดี คุณอาจต้องเผชิญกับงานค้างระหว่างวันหยุดยาวอย่างแน่นอน ดังนั้นควรจัดลำดับความสำคัญของงานทุกครั้งที่มีงานใหม่เข้ามา ให้ความสำคัญกับงานที่เร่งด่วนก่อน แล้วค่อย ๆ ทำงานไปทีละอย่าง รับรองว่าปัญหางานค้างจะไม่มีอย่างแน่นอน
  • สะสางทันที ไม่มีงานค้าง
    นิสัยผัดวันประกันพรุ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้คุณต้องประสบกับปัญหางานค้าง ดังนั้น เมื่อมีงานเข้ามาใหม่ และมีเวลาในการทำงาน คุณควรรีบสะสางงานนั้น ให้เสร็จก่อนทันที อย่าคิดว่าเดี๋ยวก็ทำเสร็จ เพราะคุณไม่รู้ว่าในระหว่างนั้นอาจมีงานอื่นแทรกเข้ามา ทำให้คุณไม่มีเวลาสะสางงานชิ้นแรกก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมีเวลา คุ็ณควรทำให้เสร็จทันที อย่าปล่อยให้คั่งค้าง จนหาเวลาสะสางไม่ได้
  • อย่านำงานกลับไปทำที่บ้าน
    การเอางานกลับไปทำที่บ้าน ไม่เพียงแต่จะทำให้เสียเวลาในการพักผ่อน แต่ยังทำให้คุณติดนิสัยเอางานมาทำนอกเวลาจนกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของคุณขาดประสิทธิภาพ และยิ่งทำให้มีงานค้างมากขึ้น หากคุณยังทำงานที่เอากลับไปไม่เสร็จ
  • อย่าทำงานคนเดียว
    คนเก่งหลายคนมักจะหวงงาน และคิดว่าคนอื่นทำได้ไม่ดีพอ บางคนไม่ยอมแม้จะมอบหมายงานของตัวเองให้ลูกน้องช่วยทำ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณจะต้องทำงานคนเดียว และไม่สามารถทำงานนั้นเสร็จ หากคุณอยากทำงานให้ลุล่วงทันเวลาและไม่มีงานค้าง คุณอาจจะต้องแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้าง ดีกว่าต้องแบกภาระไว้คนเดียว แล้วงานไม่เสร็จ

ผู้นำ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้


วันนี้จะคุยกันเรื่องภาวะผู้นำกันอีกสักวันนะครับ เนื่องจากได้มีโอกาสไปคุยกับผู้ใหญ่ขององค์กรต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ก็เห็นสไตล์ของการเป็นผู้นำที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคน บางคนก็สุดโต่งมากมาย บางคนก็ยอมไปทุกเรื่อง เรียกได้ว่า มากไปก็ไม่ดี ลูกน้องก็หาว่าโหด น้อยไปก็คุมคนอื่นไม่ได้อีก ถูกหาว่าอ่อนแอ ก็เลยมานั่งสรุปว่ามีประเด็นใดบ้างที่ผู้นำจะต้องระมัดระวัง และสร้างพฤติกรรมที่พอดีๆ ไม่มากไป หรือน้อยไป
  • ผู้นำจะต้องเข้มแข็ง แต่ถ้ามากเกินไปก็จะกลายเป็นก้าวร้าวได้เลยนะครับ ผู้นำในองค์กรบางคนคิดว่าการที่ตนเป็นผู้นำจะต้องแสดงออกถึงความเข้มแข็งของตนเองให้ลูกน้องเห็น ก็เลยมักจะใช้วาจาหยาบคาย เสียงดัง พูดคุยกันทีไร ก็เป็นการขึ้นเสียง และเอะอะโวยวายมากกว่า แต่เขากลับคิดว่านี่แหละคือความเข็มแข็งของผู้นำ ซึ่งจุดนี้มันก็เลยความเข้มแข็งไปแล้ว ความเข้มแข็งในที่นี้ก็คือ มีจุดยืนของตนเอง ไม่เอียงไปเอียงมาแบบคนที่ไม่มีหลักการ ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นผู้นำที่ดีจะต้องเข้มแข็งแต่ไม่ก้าวร้าว
  • ผู้นำจะต้องมีจิตใจที่ดี ประเด็นนี้ก็เช่นกันครับ ถ้ามากเกินไปก็มีปัญหาตามมาได้ครับ เช่น ผู้นำบางคนถูกสอนว่าการเป็นผู้นำที่ดีนั้นจะต้องมีจิตใจที่ดี พอดีมากๆ เข้า ก็เข้าข่ายอ่อนแอกันเลยเหมือนกัน จนพนักงานต่างก็นินทาผู้นำว่า เป็นคนที่ยอมไปหมด ใครจะว่าอะไร ใครจะขออะไร ก็ให้หมด โดยไม่มีจุดยืนของตนเองเลย ดังนั้นผู้นำที่ดีจะต้องใจดี แต่ไม่ถึงกับอ่อนแอครับ
  • ผู้นำที่ดีต้องกล้าตัดสินใจ กล้าได้กล้าเสีย และกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ตนจะต้องตัดสินใจ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง หรือไม่กล้าเสี่ยง แต่ก็อีกเช่นกันที่บางคนก็กล้ามากไปหน่อย จนกลายเป็นคนที่มุทะลุก็มี แทนที่จะพิจารณาให้รอบคอบก่อนค่อยตัดสินใจ กลับลุยแหลก คิดเร็วทำเร็วด้วยความไม่รอบคอบ กล้ามากไปหน่อยก็เลยทำให้คนอื่นมองว่าเป็นผู้นำที่มุทะลุไม่รอบคอบซะงั้น
  • ผู้นำที่ดีต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ ต้องมีการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้ามากเกินไป ก็จะกลายเป็นถูกมองว่า คิดช้า ทำช้า หนักเข้าหน่อย ก็จะถูกมองว่า ไม่เคยคิดอะไรเลย ดังนั้นการรอบคอบมากเกินไป ก็อาจจะทำให้คนอื่นมองว่าเราเป็นพวกไม่คิดอีกก็เป็นได้ครับ
  • ผู้นำที่ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเข้าใจผู้อื่น และไม่อวดเบ่ง คิดว่าตนเองเก่งแล้ว หรืออยู่เหนือกว่าคนอื่นแล้วก็เลยทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าอ่อนน้อมถ่อมตนจนมากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหาได้อีกเช่นกัน คนอื่นก็จะมองว่า ไม่มีความเข้มแข็งไปได้อีกเหมือนกัน แต่ถ้าไม่อ่อนน้อมเลย คนอื่นก็มองอีกว่า ผู้นำคนนี้เป็นพวกอวดดี เย่อหยิ่งทะนงตน ก็ทำให้คนอื่นไม่ชอบอีกเช่นกัน
  • ผู้นำที่ดีต้องมีอารมณ์ขัน แต่ถ้ามีมากเกินไป ก็จะถูกมองว่า ไร้สาระอีก หรือถ้าเอาทุกอย่างมาทำตลกไปหมด ผู้นำคนนั้นก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นได้ อาจจะทำให้ลูกน้องขาดความเชื่อถือไปโดยปริยาย แต่ถ้าไม่มีอารมณ์ขันเลย ลูกน้องก็จะมองว่าเครียดเกินไปหรือเปล่า
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ ยากมั้ยครับในการที่จะเป็นผู้นำที่ดีสักคน มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้ ก็คงต้องหาจุดกลางๆ ที่เหมาะสม ซึ่งความเหมาะสมนี้ก็คงกำหนดยากนะครับ อยู่ที่แต่ละคน และอยู่ที่สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน
คนที่สามารถบอกเราได้ว่า เรามากไป หรือน้อยไป ก็คือ พนักงานในองค์กรครับ ดังนั้นผู้นำที่ดีควรจะใช้พนักงานในองค์กรเป็นกระจกส่องตัวเองว่า เราเป็นอย่างไรในสายตาของพนักงาน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้ครับ มีผู้นำในโลกนี้หลายคนนะครับ ที่ให้พนักงานในองค์กรประเมินภาวะผู้นำของเขาว่ายังขาดอะไร มีจุดบกพร่องในเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มต้นพัฒนาตนเองเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องนั้นครับ
เนื่องจากผู้นำกลุ่มนี้เชื่อว่า ถ้าเขาเป็นผู้นำที่ดี และสามารถซื้อใจพนักงานได้ ก็จะทำให้พนักงานทุ่มเทและสร้างผลงานให้กับองค์กรที่เขาเป็นผู้นำอยู่ ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้นำไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับพนักงานได้เลย ผลก็คือ ผลงานจะไม่ออก เพราะพนักงานเองก็ขาดความทุ่มเท ขาดพลัง และขาดแรงจูงใจที่จะทำงานให้กับผู้นำที่ตนเองไม่เชื่อถือนั่นเองครับ

การจัดวางโต๊ะทำงาน



ในวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยในสำนักงาน การจัดวางโต๊ะทำงานของพนักงานและการตกแต่งภายในสำนักงานล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประกอบการและประสิทธิ์ภาพในการทำงานของบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ สำหรับสถานที่ที่ส่งผลต่อการดำเนินกิจการมากที่สุดก็คือ พื้นที่ที่จัดเป็นห้องของผู้บริหารเพราะในทางฮวงจุ้ยผู้บริหารเปรียบกับกัปตันเรือที่จะนำพาบริษัทหรือองค์กรให้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว การเลือกตำแหน่งโต๊ะทำงานของผู้บริหารจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยการเลือกห้องทำงานของผู้บริหารในตำแหน่งมงคล และตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าไปสู่ทิศมงคลประจำตัวแต่ทั้งนี้การจัดวางโต๊ะทำงานต้องไม่ขัดแย้งกับสภาพของห้องทำงาน


สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะทำงานในระดับปฏิบัติการก็มีผลสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะบุคคลเหล่านี้เปรียบได้กับกลไกที่ทำให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่นหรือเกิดการติดขัดและในเรื่องของการจัดวางตำแหน่งของโต๊ะทำงานของพนักงานภยในสำนักงานมีข้อแนะนำให้นำไปปฏิบัติดังนี้



1. การจัดโต๊ะทำงาน ต้องไม่ตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหากำแพง หรือหันหลังให้กับประตูทางเข้าออก ทั้งนี้ เพราะตามหลักวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า การนั่งทำงานโดยหันหน้าเข้าหากำแพงจะทำให้ขาดวิสัยทัศน์และส่งผลให้งานที่ทำพบกับปัญหาและอุปสรรคอยู่ตลอดเวลา ส่วนการนั่งทำงานโดยหันหลังให้กับประตูทางเข้าออกนั้นวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนเอาไว้ว่าจะทำให้ขาดโอกาสที่ดี และที่สำคัญคือ จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการทำงานได้อย่างเต็มที่


2. การจัดโต๊ะทำงานที่ดีหากเป็นไปได้ควรจัดวางโต๊ะทำงานให้สามารถเดินเข้า ออกได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของโต๊ะเป็นสัญลักษณ์ของการที่ผู้ทำงานทางออกในแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลังของโต๊ะทำงานควรเป็นผนึงทึบตัน หรืออย่างน้อยที่สุดเป็นโต๊ะทำงานของบุคคลอื่น และที่สำคัญด้านหลังของโต๊ะทำงานไม่ควรเป็นทางเดิน เพราะจะทำให้ผู้ทำงานขาอสมาธิในการทำงาน และในทางฮวงจุ้ยตักเตือนว่าโต๊ะทำงานที่ด้านหลังเป็นทางเดินบุคคลที่นั่งทำงานบนโต๊ะนั้น จะขาดไร้ผู้ช่วยเหลือและปกป้องคุ้มครองอย่างจริงใจ


3. ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะทำงานไม่ตั้งตรงกับแนวประตู ทั้งนี้ ไม่ว่าแนวประตูนั้นจะตั้งอยู่ทางด้านหน้า ด้านหลัง หรือ ทางด้านข้าง ของโต๊ะทำงาน เพราะส่งผลเสียทำให้ผู้ที่ใช้โต๊ะนั้นเป็นที่นั่งทำงานไม่สามารถรับโอกาสที่ดีหรือเรื่องที่ดีที่เข้ามาในขณะทำงานเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การตั้งโต๊ะทำงานตรงกับแนวประตูจะทำให้พลังภายในร่างกายของผู้ที่ใช้โต๊ะนั้นเกิดการรั่วไหลและไม่มีสมาธิในการทำงานและมักเกิดความผิดพลาดในการทำงานได้ง่าย สำหรับแนวทางในการแก้ไข ทางที่ดีที่สุดคือย้ายโต๊ะ ให้พ้นจากแนวประตูทางเข้า ออกนั้น แต่ถ้าไม่สามารถทำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ให้ผู้ที่นั่งทำงานบนโต๊ะนั้นจัดหาลูกแก้วคริสตัล หรือลูกแก้วเจียรนัย มาตั้งวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อกระจายพลังอัปมงคลของแนวประตูที่พุ่งเข้าใส่


แต่ทั้งนี้ไม่รวมโต๊ะทำงานของพนักงานประชาสัมพันธ์ เพราะตำแหน่งของพนักงานประชาสัมพันธ์มีหน้าที่โดยตรงที่จะรับเรื่องของผู้ที่มาติดต่องานและโต๊ทำงานของพนักงานประชาสัมพันธ์ส่วนมากก็ถูกอกแบบให้เคาเตอร์ที่สูงกว่าโต๊ะทำงานปกติอยู่แล้ว


4. ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะทำงานของหัวหน้างาน หัวหน้าแผนก ควรจัดวางเอาไว้ทางด้านหลังของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งนี้เพราะเป็นตำแหน่งที่หัวหน้างานสามารถเห็นการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ และข้อควรระวังคือไม่ควรตั้งโต๊ะของหัวหน้าแผนกตรงกับทางเดินเพราะจะทำให้ผู้ที่ทำงานบนโต๊ะนี้ได้รับผลเสียเหมือนกับการตั้งโต๊ะตรงกับแนวประตู





5. การจัดวางโต๊ะทำงานที่ถูกต้อง หากเป็นไปได้ควรจัดโต๊ะทำงานหันหน้าไปสู่ทิศที่เป็นมงคลของตนเอง แต่ถ้าทำได้ยาก ก็ให้หันหน้าโต๊ะทำงานไปทางประตูทางเข้าออกและที่ดีที่สุดควรจัดวางตำแหน่งของโต๊ะทำงานตามตำแหน่งหน้าที่และสายการบังคับบัญชา


6. ห้องทำงาน หรือ โต๊ะทำงาน จะต้องไม่ตั้งอยู่ใต้หรือเหนือห้องน้ำ – ห้องส้วม ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่า พลังอัปมงคลของห้องน้ำ – ห้องส้วม จะกดทับพลังแห่งความโชคดีของห้องทำงานและโต๊ะทำงานให้หมดไป และด้านหลังของโต๊ะทำงานหรือห้องทำงานไม่ควรเป็นห้องน้ำ ห้องส้วม และ เหนือโต๊ะทำงาน ต้องไม่มีสิ่งของที่เป็นวัตถุขนาดใหญ่ หรือมีน้ำหนักมากตั้งอยู่ เช่น แอร์ หรือตู้เก็บเอกสารแบบแขวนผนัง ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่า พลังจะกดทับของวัตถุขนาดใหญ่จะทำให้คนที่ทำงานในตำแหน่งนี้เก็บกด ถูกบีบคัด ไม่สบายใจ


7. ในทุกครั้งที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทำงาน หากมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในกล่อง หรือช่องแคบ ความรู้สึกเช่นนี้ ย่อมถือเป็นนัยที่แสดงให้รู้ถึงสภาพของพลังที่ถูกบีบบังคับ กดดันและตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าสามารถส่งผลกระทบไปถึงสภาพและผลสำเร็จของงานที่ทำอยู่ ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขสภาพของโต๊ะทำงานให้ถูกต้อง ในทางตรงกันข้าม โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างขวางใหญ่โตโดยไม่มีห้องรองรับ หากมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในสนามที่กว้างใหญ่มีลดพัดแพง ความรู้สึกเช่นนี้ ย่อมถือเป็นนัยที่แสดงให้รู้ถึงสภาพของพลังที่ถูกแพร่กระจาย รวมปราณไม่ได้ และตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าสามารถส่งผลกระทบไปถึงสภาพและผลสำเร็จของงานที่ทำอยู่ ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขสภาพของโต๊ะทำงานให้ถูกต้อง เช่นกัน


8. โต๊ะทำงานที่ดี จะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ข้อสำคัญคือ ด้านบนของโต๊ะควรเป็นพื้นเรียบและทึบตัน ไม่ควรเป็นพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปโต๊ะทำงานได้ ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่าจะบั่นทอนพลังในการทำงานและไม่มีสมาธิในการทำงาน


9. เก้าอี้ทำงานที่ดี ต้องมีความสมดุลกับผู้นั่ง เพราะจะช่วยให้นั่งทำงานมีความสะดวกในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับพื้นที่ด้านหลังด้วย กล่าวคือ เวลาผู้นั่งขยับเก้าอี้เพื่อเคลื่อนตัวเข้า – ออก ต้องกระทำได้อย่างสะดวก และลักษณะเช่นนี้เองที่ หลักฮวงจุ้ยรับรองว่าสามารถช่วยให้ผู้นั่งได้รับพลังอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การทำงานราบรื่นหรือมีทางออกตลอดแวลาแล้ว ยังจะช่วยให้ภาวะการเงิน คล่องตัว อีกด้วย


10. ด้านหลังของโต๊ะทำงาน ซึ่งนอกจาก ไม่สมควรมีน้ำและกระจกแล้ว(ไม่ว่าจะเป็นกระจกเงาหรือกระจกใส)และพื้นที่ดังกล่าวควรเป็นผนังกำแพงที่ทึบตันแล้ว ยังควรที่จะตกแต่งโดยการแขวนภาพภูเขาที่สวยงามขนาดใหญ่ หรือประกาศนียบัตรทางด้านการศึกษาหรือการทำงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นเคล็ดสร้างพลังเกื้อหนุนค้ำจุน และช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำให้มีมากขึ้น


11. หน้าโต๊ะทำงาน ควรตั้งวางเก้าอี้จำนวน 2 ตัวเสมอ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ร่วมงานได้นั่งหรือเข้ามาพบ ลักษณะเช่นนี้ แม้ว่างานที่ทำจะเป็นงานที่ไม่ต้องรับลูกค้าก็ตาม ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ย ถือเป็นเคล็ดที่พร้อมจะต้อนรับโอกาสดีที่ผ่านเข้ามา


12. บนโต๊ะทำงาน ต้องไม่ตั้งวางสิ่งของจนรก หรือ วางของระเกะระกะ แต่ควรปล่อยให้บนโต๊ะมีพื้นว่างให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่ด้านหน้า ที่ใช้ทำงาน ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยทักทายว่า ... ความรกบนโต๊ะหมายถึงความไม่เป็นระเบียบ หรือ นัยหมายถึงอุปสรรคในด้านต่างๆ ที่มีต่อภาวการณ์งานและการเงิน


13. ที่โต๊ะทำงาน หรือ ภายในห้องทำงานสมควรทำเคล็ดด้วยการประดับด้วยสัญลักษณ์หรือตัวแทนของเงิน เช่น การแขวนเหรียญจีนโบราณ 9 เหรียญ ที่ผูกด้วยด้ายแดงเอาไว้ด้านหลังพนักเก้าอี้ทำงานเพื่อสร้างให้มีพลังการเงินที่ดี หรือการติดเหรียญจีนโบราณจำนวน 3 เหรียญที่ผูกด้วยด้ายแดงเอาไว้บนสมุด บนปกแฟ้มสำคัญ บนโทรศัพท์ หรือ โต๊ะทำงาน เพื่อสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย


บนโต๊ะทำงานของผู้ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ให้ทำเคล็ดด้วยการตั้งวางลูกคิดเครื่องคิดเลข (ที่ใช้การได้เป็นอย่างดี) สมุดบัญชีรับ ทั้งนี้ ก็เพื่อดึงดูดเงินทองและความมั่งคั่งให้กับสถานที่ทำงาน