มีพุง..ทำไงดี
พุง..เป็นปัญหาใหญ่มากเลยทีเดียว สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หยิงหรือผู้ชายก็ตาม หลายๆคนต้องเสียเงินเสียทองมากมาย เพื่อที่จะกำจัดเนื้อก้อนนั้นทิ้งไป และไม่ใช่แค่เสียเงินเสียมองแค่นั้น ยังเสียทั้งเวลาอีกด้วย วันนี้ก็เลยรวบรวมเอาเคล็ดลับต่างๆในการกำจัดพุงมาฝากจ้า
..สาเหตุของการมีพุงที่ไม่ใช่เพราะไขมัน..
ทราบหรือไม่ว่า การมีพุงอาจจะไม่ได้เกิดจากไขมันก็ได้ ...
สาเหตุของพุงป่องไม่ใช่จากการรับประทานเพียงอย่างเดียว และคนพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าอ้วนด้วย แต่อาจเป็นเพียงอาการบวมน้ำเท่านั้น
1. การแพ้อาหาร
บางครั้งอาการท้องบวมอาจเกิดจากอาการระคายเคืองหรือการติดเชื้อของระบบย่อยอาหารในช่องท้อง หรืออาจรวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้บวมน้ำและยังรวมไปถึงการมีรอบเดือนด้วย แต่ถ้ารู้สึกว่าหน้าท้องบวมขึ้นผิดปกติหลัง ทานอาหารบางชนิด ให้สันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีอาการแพ้อาหารเข้าให้แล้ว จากสถิติพบว่าอาหารจำพวกแป้งและนมมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้และบวมมากที่สุด
2.อาหารลดน้ำหนัก
คนที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่าง ๆ
3. กินช้า ๆ แต่บ่อย ๆ
ค่อย ๆ เคี้ยวอาหารช้า ๆ เพื่อให้ประสาทรับรู้ค่อย ๆ รู้สึกอิ่ม และในแต่ละมื้ออย่ากินให้เยอะจนอิ่มแน่นท้อง ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ แต่อย่ากินขนมจุบจิบจำพวกขนมนมเนยต่าง ๆ เลือกกินผลไม้หรือธัญพืช เมื่อหิวระหว่างมื้อจะดีกว่า
4.ขจัดสารพิษ
แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินในบุหรี่มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้เหตุดังนี้แล้วก็แค่ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนต่าง ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลยในเวลาเดียวกัน
5.หัดกินสักนิด
ในกระเพาะจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่บางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ก็อาจถูกกำจัดไปจากสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือการรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำเพื่อปรับสมดุลแบคทีเรียกลุ่มที่เป็นประโยชน์ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้หน้าท้องบวมน้อยลงด้วย
6. ดื่มน้ำให้มาก
อาการบวมน้ำนี้ ควรดื่มน้ำให้ได้อย่าง ต่ำ 8 แก้วต่อวัน แต่วิธีการดื่มนั้นอย่าดื่มหมดแก้วในคราวเดียวควรจิบ น้ำบ่อย ๆ เรื่อย ๆ เพราะการที่ดื่มน้ำแก้วใหญ่ในคราวเดียว จะทำให้กระเพาะปัสสาวะขยายใหญ่ ถ้าจะให้ดีลองเลือกดื่มชาสมุนไพร อาทิ ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์แทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มในช่วงหลังอาหาร จะช่วยให้อาหารที่รับประทานเข้าไป ย่อยได้ดีขึ้นด้วย
7. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้หญิงหลายคนเชื่อว่าการซิตอัพทุกวันจะช่วยให้หน้าท้องแบนเรียบแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามท้อง แต่ถ้าร่างกายนั้นยังปกคลุมด้วยชั้นไขมัน หน้าท้องเรียบตึงก็จะไม่มีวันโผล่มาให้เห็นหรอก ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างต่ำ 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป บวกกับการซิตอัพ คราวนี้รับรองสวยตึงแน่นอน
8. หายใจลึก ๆ
เมื่อหายใจเข้าออกแบบลึก ๆ จะช่วยให้ร่างกายจะคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังช่วยในการเติมอ็อกชิเจนและพลังชีวิตให้ร่างกายด้วย ทุกครั้งที่หายใจให้พยายามหายใจให้ลึกเข้าไปยังท้อง อย่าหยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกการหายใจเข้าออกจากท้องเป็นนิสัยจะช่วยกระชับให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
9. นวดกระชับหน้าท้อง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนวด ช่วยได้ จริงๆ เนื่องจากการนวดท้องนั้น ช่วยไล่ลมที่กักเก็บไว้ในช่องท้องได้ และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย ณ วิธีการนวดก็ไม่ยาก เพียงวางฝ่ามือลงบนท้องแล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น อาจใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมด้วย ก็ได้
เมื่อรู้สาเหตุของการมีพุงไปแล้ว ก็มาดูเคล็ดลับต่างๆในการสลายพุง เพื่อให้หน้าท้องแบนราบกันนะคะ
เคล็ดลับที่ 1...4 อาหารสลายพุง...
ด้วยวัฒนธรรมการกินที่เปลี่ยนไป ทำให้หนุ่มสาววัยใสที่กินไม่ระวังเริ่มตุ้ยนุ้ยก่อนวัยอันควร ใครกำลังหนักใจ เรามีอาหารที่มีการศึกษาว่าช่วยสลายไขมัน โดยเฉพาะไขมันรอบเอวได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝาก ลองกินตามสูตรนี้ดูนะคะ
1. อะโวคาโด อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณแนะนำต่อวัน: � ถ้วย
2. บรอกโคลี่ นักวิจัยระบุว่าสารอาหารอย่างแคลเซียมช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีที่จะสะสมไว้เป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็มีดีที่เป็นแหล่งแคลเซียมซึ่งไม่มีไขมัน ปริมาณแนะนำ: 1 1/2 ถึง 2 ถ้วย
3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พิสทาชิโอ ปริมาณแนะนำต่อวัน: 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมัน เลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1 ช้อนโต๊ะ
เคล็ดลับที่ 2..5 Tips ควบคุมพุงกะทิของคุณ..
ทุกวันนี้ jung food มีมากมาย จึงไม่แปลกเลยที่ต้องเผชิญปัญหา overweight จนเป็นพุงกะทิ จึงแนะนำวิธีการแก้ไขและป้องกันปัญหา ดังนี้
1. ต้องจัดระเบียบการหม่ำเสียใหม่ โดยเน้นรับประทานมื้อเช้าให้มากเข้าไว้ มื้อกลางวันรองลงมา ส่วนมื้อเย็นควรให้น้อยที่สุด โดยไม่ควรทานอะไรหนักๆ หลัง 6 โมงครึ่ง ที่สำคัญต้องทานมื้อเช้าทุกวัน อย่าอดเป็นอันขาด คิดดูนะคะ ตั้งแต่คุณหลับไปเมื่อคืน ร่างกายคุณต้องอดอาหารไปกี่ชั่วโมง ถ้าดันมาอดข้าวเช้าอีก ร่างกายจะส่งสัญญาณว่าคุณรู้สึกหิวตาลาย เมื่อรับประทานมื้อกลางวันก็จะทำให้คุณรับประทานเข้าไปมากเกินมื้อปกติ การอดอาหารมื้อเช้าจะทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเราจะทำงานช้าลงด้วย ทำให้อ้วนง่าย
2. ลดปริมาณอาหารที่มีไขมันเยอะๆ โดยเฉพาะของทอดและขนมกรอบๆ ทั้งหลาย หันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำจะแจ่มกว่า แล้วหน้าท้องจะค่อยๆ สลายไปเอง
3. ถึงแม้การเรียน การงานจะสุมหัวแค่ไหน สาวๆ ต้องหมั่นหาเวลาออกกำลังกายเป็นประจำ ถ้าจะให้เริ่ดต้องให้ได้สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งต้องออกไม่ต่ำกว่า 30 นาทีด้วย แต่ถ้าคุณไม่มีโอกาสเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ก็ให้พยายามทำงานบ้านด้วยตัวเอง เพราะถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวได้เหมือนกัน
4. ลดปริมาณอาหารที่รับประทานทั้งหมดให้น้อยลงด้วย คุณต้องพยายามควบคุมปริมาณอาหารที่ยัดใส่ปากให้ได้นั่นเอง จริงๆแล้วที่น้ำหนักคุณมากกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งก็เพราะทานมากไปด้วย อย่างที่บางคนคิดว่าทานแค่สลัดไม่อ้วนหรอก แต่ฟาดเข้าไปเสียจานเบ่อเริ่ม แถมราดน้ำสลัดไปค่อนขวด แบบนี้ว่าทานน้อยหรือ สรุปคือเวลารับประทานขอให้ดูที่ปริมาณด้วย ค่อยๆ ลดลงทีละนิด อาจจะลองใช้จานที่มีขนาดเล็กลงหน่อย ชั่งน้ำหนักอาหารก่อนกินเสียเลย ถ้าทำได้จะได้รู้น้ำหนักอาหารที่เราทานเป็นประจำ และรู้ว่าเราทานมากเกินไปหรือเปล่า
5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 ลิตรต่อวัน อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เราไม่ได้ให้คุณดื่มน้ำให้อิ่มจะได้ไม่ต้องทานข้าวหรอกนะ เพระาน้ำแทนข้าวไม่ได้ แต่มันจะช่วยทำให้ตับไตคุณทำงานดีขึ้น แล้วยังบำรุงผิวอีกต่างหาก การสูญเสียน้ำจะทำให้คุณไม่สดชื่น การเผาผลาญแคลอรีก็ต่ำลง จึงส่งผลในทางอ้อมให้หน้าท้องเพิ่มพูน เพราะขาดการเผาผลาญแคลอรีที่เพียงพอ
เคล็ดลับที่ 3...4 ท่าบริหารหน้าท้องให้แบนราบ...
ท่าออกกำลังกายเพื่อหน้าท้องที่แบบราบนี้ออกแบบโดย เอมี ดิกซอน, ผู้จัดการการออกกำลังกายเป็นกลุ่มของอิควินอกซ์ ในซานตา โมนิก้า, โดยทั้ง 4 ท่าเป็นการรวมการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ต่างๆ ควบคู่กับช่วงกลางลำตัวไปพร้อมๆ กัน
ให้ออกกำลังกายแต่ละท่าต่อกันโดยไม่ต้องหยุดพัก ในรูปแบบการออกกำลังกายแบบวงจร ทำให้ครบ 3 รอบ พัก 45 วินาทีระหว่างรอบ ออกกำลังกายตามโปรแกรมนี้ 2-3 วันต่อสัปดาห์
ท่าออกกำลังกายเพื่อหน้าท้องที่แบนราบท่าที่ 1- Chest Press with Crunchส่วนที่ออกกำลัง: ลำตัว และหน้าอก
มือแต่ละข้างถือดัมเบลล์หนัก 8-10 ปอนด์ นอนให้หลังส่วนบนอยู่บนลูกบอลออกกำลัง เท้่าวางราบที่พื้น ถือดัมเบลล์เหนือหัวไหล่ ดันดัมเบลล์ขึ้นตรงๆ ไปด้านบน เมื่อแขนเหยียดตรง เกร็งหน้าท้อง ยกแผงไหล่ขึ้นออกจากบอล ข้างไว้สักครู่ ลดตัวกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำ 8-10 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายเพื่อหน้าท้องที่แบนราบท่าที่ 2 - Lateral Raise with Rotationส่วนที่ออกกำลัง: ลำตัว และ แขน
มือแต่ละข้างถือดัมเบลล์หนัก 8-10 ปอนด์ ยืนกางขากว้างเท่าสะโพก แขนงอเล็กน้อย ยกน้ำหนักขึ้นจนแขนขนานกับพื้น หมุนลำตัวส่วนบนไปทางขวา หมุนกลับมาตรงกลาง ลดแขนลง ทำซ้ำหมุนไปอีกข้าง นับเป็น 1 ครั้ง ทำ 6 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายเพื่อหน้าท้องที่แบนราบท่าที่ 3 - Lunging Crunchส่วนที่ออกกำลัง: ลำตัว และขา
จับเชือกจากเครื่องออกกำลังกายด้วยมือทั้งสอง หันหน้าออกจากเครื่อง ก้าวออกมาจนสายเคเบิ้ลตึง ก้าวขาซ้ายมาด้านหน้าและย่อเข่าลงด้วยเท้าซ้าย พร้อมงอตัวลง หน้าท้องเกร็ง แล้วยืนขึ้น ทำ 8-10 ต่อขาหนึ่งข้าง หากไม่มีเครื่องออกกำลัง ให้ถือดัมเบลล์ไว้ด้านหน้าระดับหน้าอกแทน
ท่าออกกำลังกายเพื่อหน้าท้องที่แบนราบท่าที่ 4 - Pull Up with Leg Raiseส่วนที่ออกกำลัง: ลำตัว และร่างกายส่วนบน
จับบาร์ดึงข้อไว้ แบบหันฝ่ามือออก ไขว่ข้อเท้าไว้ด้านหลัง ดึงตัวขึ้นจนคางผ่านบาร์ ยกเข่าขึ้นมาทางหน้าอก เกร็งท้อง แล้วดึงต่อขึ้นลง 10-12 ครั้ง
เคล็ดลับที่ 3...เทคนิคหน้าท้องแบนราบ...
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพราะถ้าร่างกายขาดน้ำ จะกักเก็บของเหลวไว้ ทำให้ดูบวมน้ำ
งดน้ำอัดลม อันนี้เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดลม ในกระเพราะอาหาร ถ้าอยากดื่มน้ำหวาน ให้เลือกชนิดไม่อัดแก๊สจะสบายท้อง
รับประทานโยเกิร์ต เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีสารที่ช่วยย่อยสลายน้ำตาล และโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
รับประทานโยเกิร์ต เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีสารที่ช่วยย่อยสลายน้ำตาล และโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
ลดเกลือ ลองเปลี่ยนมาใช้ซีอิ๊วญี่ปุ่น หรือซอสปรุงรส แทนน้ำปลา และใช้เนื้อสัตว์สด ในการปรุงอาหาร ดีกว่าเนื้อสัตว์ชนิดแปรรูป เพราะมีเกลือน้อยกว่า เกลือทำให้ร่างกายบวมน้ำ นอกจากตัวบวมแล้ว ยังเป็นเหตุให้ใต้ตาบวมอีกด้วย
หลีกเลี่ยงน้ำตาลฟรักโทส พบได้ในผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะผลไม้สุก น้ำผลไม้ และในน้ำอัดลมทุกชนิด สิ่งที่เน้นให้เลี่ยงน้ำตาลฟรักโทสจากผลไม้ นั่นคือ ผลไม้อบแห้ง อย่าง อินทผลัม กล้วยตาก นอกจากหวานมากแล้ว ยังอาจเกิดแก๊สซึ่งไปรบกวนระบบย่อยอีกด้วย
เพิ่มโพแทสเซียม พบมากในกล้วยหอม และบร็อคโคลี่ โพแทสเซียมจะช่วยรักษาระดับน้ำในเซลล์ ให้สมดุล และป้องกันอาการบวมน้ำ
เพิ่มโพแทสเซียม พบมากในกล้วยหอม และบร็อคโคลี่ โพแทสเซียมจะช่วยรักษาระดับน้ำในเซลล์ ให้สมดุล และป้องกันอาการบวมน้ำ
ดื่มน้ำขิง เพราะขิงช่วยลดอาการบวมน้ำ ขับลม และช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น สำหรับการดื่มน้ำขิงควรเลือกขิงผงพร้อมดื่ม ที่น้ำตาลน้อย จะได้ไม่อ้วน
ยังไงก็ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ เป็นไปได้ก็อย่าตามใจปากและดูแลร่างกายให้ดี พุงก็จะไม่ป่องนะคะ
รวบรวมข้อมูลโดย TaYanO
เครดิต : http://women.thaiza.com , http://www.hbwellness.info/ , เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น