หลักการซื้อสินค้าและบริการ
หลักการซื้อสินค้าและบริการ
แนวทางในการซื้อสินค้าและบริการได้อย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด มีดังนี้
1. เปรียบเทียบสินค้าประเภทและชนิดเดียวกัน โดยคำนึงถึงหลักสินค้าที่ใช้แทนกันได้ ถ้าสินค้าชนิดใดแพงกว่า ก็หันไปซื้อสินค้าชนิดเดียวกันที่คุณภาพใกล้เคียงและราคาถูกกว่า
2. เปรียบเทียบร้านค้าต่างๆ ในปัจจุบันร้านค้าต่างๆ มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันในด้านการค้าสูง ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบสินค้าและบริการของร้านค้าต่างๆ ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ โดยวิธีการตรวจสอบจากโฆษณาและการไปยังร้านค้ามากกว่า 1 แห่ง
3. คำนึงถึงความจำเป็น คุณค่า ราคา และคุณภาพ ในการเลือกซื้อสินค้าควรคำนึงถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า อีกทั้งราคาและคุณภาพสินค้าเป็นสำคัญ
4. คำนึงถึงฤดูกาล การเลือกซื้อสินค้าตามฤดูกาลจะช่วยให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคาที่ถูก เนื่องจากปริมาณสินค้าในท้องตลาดมีมาก ผู้ขายต่างแข่งขันกันเสนอขายเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค เป็นการสร้างอำนาจต่อรองให้กับผู้บริโภค ช่วยให้ผู้บริโภคมีแนวทางการเลือกซื้อเพิ่มขึ้น
5. พิจารณาราคาต่อหน่วยของสินค้า ราคาต่อหน่วยของสินค้า หมายถึง ราคาของสินค้าขนาดหนึ่งหน่วยมาตรฐาน ใช้สำหรับเปรียบเทียบสินค้ายี่ห้อและขนาดต่างๆ กับการเปรียบเทียบราคาสินค้าที่คล้ายคลึงกัน แต่มีขนาดหรือปริมาณไม่เท่ากัน เช่น แชมพูยี่ห้อ A ปริมาณ 200 กรัม ราคา 45 บาท ส่วนแชมพูยี่ห้อ B ปริมาณ 250 กรัม ราคา 50บาท ถ้าเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยกระทำได้โดยนำราคาหารด้วยปริมาณหรือน้ำหนัก จะพบว่าแชมพูยี่ห้อ A ราคา 22 .50 บาทต่อกรัม ในขณะที่แชมพูยี่ห้อ B ราคา 20 สตางค์ต่อกรัม เป็นต้น
6. ควรซื้อปริมาณมาก ผู้ที่ซื้อสินค้าหน่วยเล็กๆ จะต้องเสียเงินค่าสินค้าต่อหน่วยสูงกว่าผู้ที่ซื้อสินค้าหน่วยใหญ่ เช่น ผงซักฟอกขนาดบรรจุปริมาณ 500 กรัม ราคา 45 บาท แต่ถ้าขนาดบรรจุปริมาณ 1,000 กรัม ราคา 75 บาท จะเห็นว่าสินค้าขนาดใหญ่จะมีราคาต่อหน่วยถูกกว่าสินค้าขนาดเล็ก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อสินค้าจะต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งานด้วย
7. การบริการหลังการขาย ในการเลือกซื้อสินค้าบางประเภท เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงนอกจากราคาแล้ว ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานแล้วไม่ก่อให้เกิดปัญหา อีกทั้งมีบริการหลังการขายที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น