การตั้งเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคนเรามีความก้าวหน้าคือ "การ ตั้งเป้าหมาย" เพราะเป้าหมายเปรียบเสมือนแสงเลเซอร์ที่จะนำทางเราไปสู่สิ่งที่เรา "ต้องการจะเป็น" หรือ "ต้องการจะมีได้" ถ้าใคร คิดว่าเป้าหมายไม่สำคัญ ลองนึกดูนะครับว่าถ้ากีฬาฟุตบอลไม่มีเสาประตูแล้ว เกมส์การแข่งขันจะเป็นอย่างไร พฤติกรรมการเล่นของผู้เล่นในแต่ละทีมจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าผู้เล่นแต่ละคนคงจะต้องเลี้ยงลูกไปมาหาที่ยิงประตูไม่ได้อย่างแน่ นอน ใครก็ตามที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตคงไม่แตกต่างอะไรไปจากการเล่นฟุตบอลที่ ไม่มีเสาประตู ชีวิตจะลอยไปลอยมาหาเป้าไม่เจอ ชีวิตการทำงานแต่ละวันจะบอกไม่ได้ว่าทำไปทำไม งานที่ทำวันนี้มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตในวันข้างหน้า โอกาสที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆอาจจะมีน้อยลงกว่าคนที่มีเป้าหมายใน ชีวิต เพราะคนที่มีเป้าหมายในชีวิต เขาจะทราบได้ทันทีว่าการทำงานในแต่ละวันนั้น จะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรใส่กระเป๋าบ้าง แน่นอนว่าประสบการณ์ที่จะเก็บใส่กระเป๋าคือประสบการณ์ที่สอดคล้องหรือสนับ สนุนเป้าหมายชีวิตนั่นเอง
ถึงแม้เราจะมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าขาดแรงขับเคลื่อนหรือที่เราเรียกกันว่า "แรงจูงใจ" แล้วละก้อ ผมคิดว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรมากมายนัก คนหลายคนมีเป้าหมายจะเก็บเงิน คนบางคนมีเป้าหมายจะเติบก้าวหน้าในอาชีพ คนบางคนมีเป้าหมายจะมีชื่อเสียงทางสังคม คนบางคนมีเป้าหมายในการศึกษาต่อ ฯลฯ แต่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น ถ้าไปถึงจุดนั้นแล้วจะได้อะไร ไม่มีอะไรมีผูกมัดหรือไม่ว่าทำไมจะต้องไปให้ถึง ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้ามีใครมาบอกเราว่าขอให้เรากระโดดข้ามหน้าผาที่สูงชันซึ่งหน้าผานี้มีความ กว้าง 2 เมตร สูงหลายสิบเมตร ถ้าตกลงไปรับรองไม่ต้องนำไปโรงพยาบาล สามารถนำไปวัดได้เลย เขาบอกให้เรากระโดดโดยที่ไม่มีสินจ้างรางวัลใดๆทั้งสิ้น ลองคิดดูซิครับว่าเราจะกล้ากระโดดหรือไม่ ผมคิดว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่คิดในใจว่า "กระโดดไปทำไม" ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าเขาบอกเราต่อไปอีกว่า ถ้าใครกล้ากระโดด เขาจะให้รางวัลเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ผมเชื่อว่าอาจจะมีคนบางคนกล้าที่จะกระโดด เพราะแรงจูงใจที่เป็นตัวเงิน 1 ล้านบาทอาจจะมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับการกระโดดของคนบางคน โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้สินรุงรัง เจ้าหนี้มาทวงทุกวัน แต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังคงไม่กล้ากระโดดอยู่ดีเพราะคิดแล้วมันไม่คุ้มค่าถ้า โชคไม่ดีอาจจะตกลงไปเสียชีวิต
ถ้าเขาบอกเราต่อว่า สมมติว่าคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตนี้ อาจจะเป็น พ่อแม่ คนรัก หรือลูกของเรายืนอยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าผา และกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราไม่กระโดดข้ามไปช่วยภายใน 1 นาที คนที่เรารักมากที่สุดคนนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และถามเราต่อว่าเรากล้ากระโดดข้ามช่องว่างของหน้าผานี้หรือไม่ ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดจะตอบว่า "กล้า" กระโดดข้ามหน้าผานี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลสำคัญก็คือ แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของชีวิตคนต้องประกอบไปด้วยเป้าหมายบวกกับแรงจูงใจ ถ้ามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว คนจะไม่กระตือรือร้นที่จะไปให้ถึง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแรงจูงใจ เพราะแรงจูงใจคือเชื้อเพลิงที่จะขับเคลื่อนชีวิต ในขณะที่เป้าหมายคือทิศทางที่เราจะขับเคลื่อนชีวิตของเราไปในทิศทางที่ต้อง การ ถ้าต้องการให้ชีวิตมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จดีกว่า เร็วกว่าคนอื่นๆ ผมแนะนำให้ลองกำหนดเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจในชีวิตดังนี้
การกำหนดเป้าหมาย
เราควรจะกำหนดเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจนว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เราต้องการจะ "เป็นอะไร" "มีอะไร" "มากน้อยเพียงใด" และ ควรจะมีการทบทวนเป้าหมายเป็นระยะๆ เช่น ทุก 6 เดือนหรือทุก 1 ปี เพราะเป้าหมายคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์และสิ่งที่เราจะ ต้องทำการกำหนดเป้าหมายจะต้องมีความท้าทาย ไม่ใช่ง่ายหรือยากจนเกินไป เพราะเป้าหมายที่ท้าทายนอกจากจะมีความหมายต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรา แล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความภูมิใจในอนาคตด้วยหลังจากที่เราบรรลุหรือถึงแม้จะไม่ บรรลุเป้าหมายก็ตาม ถ้าเป้าหมายของเราง่ายจนเกินไป เมื่อเราบรรลุเป้าหมายแล้ว เราจะไม่มีความภูมิใจอะไรหลงเหลืออยู่เลย เช่น ถ้ามีใครมาบอกเราว่าถ้ามีเวลาให้เรา 1 ปีในการฝึกซ้อมเพื่อไปวิ่งแข่ง 100 เมตร โดยให้เราเลือกว่าเราจะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกหรือแชมป์นักเรียนอนุบาล เราคิดว่าเราจะเลือกไปวิ่งแข่งกับใคร แน่นอนทุกคนคงจะเลือกที่จะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะแพ้ก็ยังมีความภาคภูมิใจกว่าชนะเด็กอนุบาล
สร้างแรงจูงใจ
ในระยะสั้นเราอาจจะสร้างแรงจูงใจโดยใช้ปัจจัยภายนอกก่อนก็ได้ เช่น ขยันทำงานเพราะต้องการเงิน เพราะต้องการความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน แรงจูงใจภายนอกจะเป็นแรงจูงใจในระยะสั้นได้ค่อนข้างดี แต่แรงจูงใจนี้จะไม่จีรังยั่งยืน มันจะลดระดับความรุนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ต้องดูอื่นไกลให้ดูว่าเวลามีการปรับเงินเดือนประจำปี คนจะมีไฟในการทำงานเพียงเดือนสองเดือนที่ได้เงินเดือนใหม่ พอเวลาผ่านไปหลายๆเดือนเงินเดือนใหม่ที่ได้ไม่ถือเป็นแรงจูงใจอีกต่อไป แรงจูงใจที่จะอยู่กับเรานานและพลังงานไม่มีวันหมดคือแรงจูงใจที่เกิดขึ้นเอง ภายใน เช่น แรงจูงใจที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตที่เกิดจากแรงบันดาลใจบางสิ่ง บางอย่าง คนบางคนแรงจูงใจอยู่ที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ คนบางคนมีแรงจูงใจที่เกิดจากความยากลำบากในชีวิต
สรุป การที่เราจะนำพาชีวิตไปขึ้นแท่นแห่งความสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่เราได้กำหนดเป้าหมายชีวิตได้ถูกต้องและชัดเจนมากน้อย เพียงใด เป้าหมายมีความท้าทายหรือไม่ นอกจากนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างพลังงานขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้า หมายโดยการสร้างแรงจูงใจทั้งแรงจูงใจภายนอกและแรงจูงใจภายใน ถ้าต้องการเพิ่มระดับความแรงของแรงจูงใจขึ้นไปอีก อาจจะต้องสร้างพันธสัญญาโดยการบอกับคนรอบข้างว่าเป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เพราะพันธสัญญานี้คือแรงจูงใจ(เชิงบังคับ) ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เราลด ละ หรือเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปสู่เป้าหมายที่ได้ให้สัญญาไว้ได้นะครับ
" สูตรความสำเร็จของชีวิต = ความท้าทายของเป้าหมาย x ระดับแรงจูงใจ"
ถึงแม้เราจะมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าขาดแรงขับเคลื่อนหรือที่เราเรียกกันว่า "แรงจูงใจ" แล้วละก้อ ผมคิดว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรมากมายนัก คนหลายคนมีเป้าหมายจะเก็บเงิน คนบางคนมีเป้าหมายจะเติบก้าวหน้าในอาชีพ คนบางคนมีเป้าหมายจะมีชื่อเสียงทางสังคม คนบางคนมีเป้าหมายในการศึกษาต่อ ฯลฯ แต่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น ถ้าไปถึงจุดนั้นแล้วจะได้อะไร ไม่มีอะไรมีผูกมัดหรือไม่ว่าทำไมจะต้องไปให้ถึง ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้ามีใครมาบอกเราว่าขอให้เรากระโดดข้ามหน้าผาที่สูงชันซึ่งหน้าผานี้มีความ กว้าง 2 เมตร สูงหลายสิบเมตร ถ้าตกลงไปรับรองไม่ต้องนำไปโรงพยาบาล สามารถนำไปวัดได้เลย เขาบอกให้เรากระโดดโดยที่ไม่มีสินจ้างรางวัลใดๆทั้งสิ้น ลองคิดดูซิครับว่าเราจะกล้ากระโดดหรือไม่ ผมคิดว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่คิดในใจว่า "กระโดดไปทำไม" ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าเขาบอกเราต่อไปอีกว่า ถ้าใครกล้ากระโดด เขาจะให้รางวัลเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ผมเชื่อว่าอาจจะมีคนบางคนกล้าที่จะกระโดด เพราะแรงจูงใจที่เป็นตัวเงิน 1 ล้านบาทอาจจะมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับการกระโดดของคนบางคน โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้สินรุงรัง เจ้าหนี้มาทวงทุกวัน แต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังคงไม่กล้ากระโดดอยู่ดีเพราะคิดแล้วมันไม่คุ้มค่าถ้า โชคไม่ดีอาจจะตกลงไปเสียชีวิต
ถ้าเขาบอกเราต่อว่า สมมติว่าคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตนี้ อาจจะเป็น พ่อแม่ คนรัก หรือลูกของเรายืนอยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าผา และกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราไม่กระโดดข้ามไปช่วยภายใน 1 นาที คนที่เรารักมากที่สุดคนนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และถามเราต่อว่าเรากล้ากระโดดข้ามช่องว่างของหน้าผานี้หรือไม่ ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดจะตอบว่า "กล้า" กระโดดข้ามหน้าผานี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลสำคัญก็คือ แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของชีวิตคนต้องประกอบไปด้วยเป้าหมายบวกกับแรงจูงใจ ถ้ามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว คนจะไม่กระตือรือร้นที่จะไปให้ถึง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแรงจูงใจ เพราะแรงจูงใจคือเชื้อเพลิงที่จะขับเคลื่อนชีวิต ในขณะที่เป้าหมายคือทิศทางที่เราจะขับเคลื่อนชีวิตของเราไปในทิศทางที่ต้อง การ ถ้าต้องการให้ชีวิตมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จดีกว่า เร็วกว่าคนอื่นๆ ผมแนะนำให้ลองกำหนดเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจในชีวิตดังนี้
การกำหนดเป้าหมาย
เราควรจะกำหนดเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจนว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เราต้องการจะ "เป็นอะไร" "มีอะไร" "มากน้อยเพียงใด" และ ควรจะมีการทบทวนเป้าหมายเป็นระยะๆ เช่น ทุก 6 เดือนหรือทุก 1 ปี เพราะเป้าหมายคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์และสิ่งที่เราจะ ต้องทำการกำหนดเป้าหมายจะต้องมีความท้าทาย ไม่ใช่ง่ายหรือยากจนเกินไป เพราะเป้าหมายที่ท้าทายนอกจากจะมีความหมายต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรา แล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความภูมิใจในอนาคตด้วยหลังจากที่เราบรรลุหรือถึงแม้จะไม่ บรรลุเป้าหมายก็ตาม ถ้าเป้าหมายของเราง่ายจนเกินไป เมื่อเราบรรลุเป้าหมายแล้ว เราจะไม่มีความภูมิใจอะไรหลงเหลืออยู่เลย เช่น ถ้ามีใครมาบอกเราว่าถ้ามีเวลาให้เรา 1 ปีในการฝึกซ้อมเพื่อไปวิ่งแข่ง 100 เมตร โดยให้เราเลือกว่าเราจะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกหรือแชมป์นักเรียนอนุบาล เราคิดว่าเราจะเลือกไปวิ่งแข่งกับใคร แน่นอนทุกคนคงจะเลือกที่จะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะแพ้ก็ยังมีความภาคภูมิใจกว่าชนะเด็กอนุบาล
สร้างแรงจูงใจ
ในระยะสั้นเราอาจจะสร้างแรงจูงใจโดยใช้ปัจจัยภายนอกก่อนก็ได้ เช่น ขยันทำงานเพราะต้องการเงิน เพราะต้องการความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน แรงจูงใจภายนอกจะเป็นแรงจูงใจในระยะสั้นได้ค่อนข้างดี แต่แรงจูงใจนี้จะไม่จีรังยั่งยืน มันจะลดระดับความรุนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ต้องดูอื่นไกลให้ดูว่าเวลามีการปรับเงินเดือนประจำปี คนจะมีไฟในการทำงานเพียงเดือนสองเดือนที่ได้เงินเดือนใหม่ พอเวลาผ่านไปหลายๆเดือนเงินเดือนใหม่ที่ได้ไม่ถือเป็นแรงจูงใจอีกต่อไป แรงจูงใจที่จะอยู่กับเรานานและพลังงานไม่มีวันหมดคือแรงจูงใจที่เกิดขึ้นเอง ภายใน เช่น แรงจูงใจที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตที่เกิดจากแรงบันดาลใจบางสิ่ง บางอย่าง คนบางคนแรงจูงใจอยู่ที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ คนบางคนมีแรงจูงใจที่เกิดจากความยากลำบากในชีวิต
สรุป การที่เราจะนำพาชีวิตไปขึ้นแท่นแห่งความสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่เราได้กำหนดเป้าหมายชีวิตได้ถูกต้องและชัดเจนมากน้อย เพียงใด เป้าหมายมีความท้าทายหรือไม่ นอกจากนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างพลังงานขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้า หมายโดยการสร้างแรงจูงใจทั้งแรงจูงใจภายนอกและแรงจูงใจภายใน ถ้าต้องการเพิ่มระดับความแรงของแรงจูงใจขึ้นไปอีก อาจจะต้องสร้างพันธสัญญาโดยการบอกับคนรอบข้างว่าเป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เพราะพันธสัญญานี้คือแรงจูงใจ(เชิงบังคับ) ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เราลด ละ หรือเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปสู่เป้าหมายที่ได้ให้สัญญาไว้ได้นะครับ