|
Pr realestates | Management| Marketing |Advertising| Communication | Public Relations| Strategies | Economy
Google PageRank คืออะไร ?
ความกลัว ความวิตกกังวล
ความวิตกกังวล เกิดจากการคิดสมมุติ ยกตัวอย่างเช่น คิดสมมุติว่า ถ้าเกิดธุรกิจการงานเราผิดพลาดล้มเหลวทรัพย์สินเงินทองของเราหมดไป ก็จะเกิดความวิตกกังวลว่า ชีวิตจะต้องลำบาก ลูกเต้าจะทำอย่างไร หรือคิดสมมุติว่า ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นชีวิตจะเป็นอย่างไร ถ้าโจรมาปล้นจะทำอย่างไร ถ้าสุขภาพไม่ดีเกิดป่วยเป็นมะเร็งจะทำอย่างไร ฯลฯ การคิดสมมุติไปในทางร้าย ก็จะเกิดเป็นความวิตกกังวล
วิธีเอาชนะ ความขี้เกลียด
" ความขี้เกียจ " ร้ายกาจกว่าที่คุณคิด เพราะมันคอยซุ่มโจมตีให้คนล่าฝันอย่างเราๆ ไปไม่ถึงดวงดาวมานักต่อนัก จึงขอส่งเทียบเชิญคุณผู้อ่านมาร่วมกันหักด่านความขี้เกียจไปด้วยกัน
" ความขี้เกียจ " สัญชาตญาณหลงยุคของมนุษย์
" ความขี้เกียจไม่ใช่อะไรเลย นอกจากนิสัยที่ชอบหยุดพักก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อย " จูลส์ เรอนาร์ด ( Jules Renard ) กวีชาวฝรั่งเศส
บางทีเหตุผลหนึ่งที่เราเอาชนะความขี้เกียจไม่ค่อยได้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมันดีพอนั่นเอง ทั้งๆ ที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องความขี้เกียจมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น จากนิทานอีสปเรื่องมดขยันกับตั๊กแตน ขี้เกียจ หรือจากคัมภีร์ไบเบิลที่ระบุว่า ความขี้เกียจ ( Sloth ) คือหนึ่งในบาปเจ็ดประการของมนุษย์
เป็นที่รู้กันดีว่า ความขี้เกียจก่อให้เกิดผลร้ายมหาศาล แต่เรามักจะอภัยให้ " ความขี้เกียจ " อย่างง่ายดายและรวดเร็วเกินไป สงสัยไหมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้
ดร. นานโด เปลูซี ( Nando Pelusi ) นักจิตวิทยาผู้เขียนบทความเรื่อง "The Lure of Laziness" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Psychology Today ฉบับกรกฎาคม - สิงหาคม 2007 อธิบายว่า บรรพบุรุษของมนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะสงวนพลังงานในร่างกายไว้ให้มากที่สุด เพราะในยุคโบราณ อาหารเป็นสิ่งที่หาได้ยาก อีกทั้งยังมีอันตรายมากมายรออยู่ภายนอก เช่น สัตว์ร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ สัญชาตญาณนี้จึงตกทอดอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่จะไม่ยอมทำอะไรที่ต้องใช้ความทุ่มเทหรือพลังงานสูงๆ ตราบใดที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าหรือไม่ พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อปัจจัยที่แวดล้อมอยู่รอบตัวไม่ได้สร้างความมั่นใจเพียงพอ เราก็จะเกิดความรู้สึกอยากประวิงเวลาที่จะต้องลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้นานออกไป
เมื่อเทียบกับมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาต้องใช้ชีวิตแบบไม่มีเวลาหยุดคิด เช่น หิวต้องล่าสัตว์ กลัวต้องวิ่งหนี พายุมาต้องหลบทันที ฯลฯ ผิดกับมนุษย์ยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยทางสังคมและจิตใจที่ซับซ้อนกว่า และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ของการกระทำ และนี่จึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไมบางคนต้องรอให้ถึงเส้นตายก่อนเท่านั้น เขาจึงจะทำงานเสร็จหรือทำได้ดี
" ความขี้เกียจ " สัญชาตญาณหลงยุคของมนุษย์
" ความขี้เกียจไม่ใช่อะไรเลย นอกจากนิสัยที่ชอบหยุดพักก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อย " จูลส์ เรอนาร์ด ( Jules Renard ) กวีชาวฝรั่งเศส
บางทีเหตุผลหนึ่งที่เราเอาชนะความขี้เกียจไม่ค่อยได้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมันดีพอนั่นเอง ทั้งๆ ที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องความขี้เกียจมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น จากนิทานอีสปเรื่องมดขยันกับตั๊กแตน ขี้เกียจ หรือจากคัมภีร์ไบเบิลที่ระบุว่า ความขี้เกียจ ( Sloth ) คือหนึ่งในบาปเจ็ดประการของมนุษย์
เป็นที่รู้กันดีว่า ความขี้เกียจก่อให้เกิดผลร้ายมหาศาล แต่เรามักจะอภัยให้ " ความขี้เกียจ " อย่างง่ายดายและรวดเร็วเกินไป สงสัยไหมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้
ดร. นานโด เปลูซี ( Nando Pelusi ) นักจิตวิทยาผู้เขียนบทความเรื่อง "The Lure of Laziness" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Psychology Today ฉบับกรกฎาคม - สิงหาคม 2007 อธิบายว่า บรรพบุรุษของมนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะสงวนพลังงานในร่างกายไว้ให้มากที่สุด เพราะในยุคโบราณ อาหารเป็นสิ่งที่หาได้ยาก อีกทั้งยังมีอันตรายมากมายรออยู่ภายนอก เช่น สัตว์ร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ สัญชาตญาณนี้จึงตกทอดอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่จะไม่ยอมทำอะไรที่ต้องใช้ความทุ่มเทหรือพลังงานสูงๆ ตราบใดที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าหรือไม่ พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อปัจจัยที่แวดล้อมอยู่รอบตัวไม่ได้สร้างความมั่นใจเพียงพอ เราก็จะเกิดความรู้สึกอยากประวิงเวลาที่จะต้องลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้นานออกไป
เมื่อเทียบกับมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาต้องใช้ชีวิตแบบไม่มีเวลาหยุดคิด เช่น หิวต้องล่าสัตว์ กลัวต้องวิ่งหนี พายุมาต้องหลบทันที ฯลฯ ผิดกับมนุษย์ยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยทางสังคมและจิตใจที่ซับซ้อนกว่า และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ของการกระทำ และนี่จึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไมบางคนต้องรอให้ถึงเส้นตายก่อนเท่านั้น เขาจึงจะทำงานเสร็จหรือทำได้ดี
การตลาดทางตรงผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต (internet direct marketing)
การตลาดทางตรงผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต (internet direct marketing)
การตลาดทางตรงมีหลายรูปแบบ เช่น การขายสินค้าทางไปรษณีย์ การขายทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ต เป็นการสื่อสารที่เจาะเข้าถึงลูกค้าเป็นรายตัว สามารถจัดหาสินค้าบริการที่เหมาะสมสอดคล้องกับลูกค้าแต่ละราย และสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับผู้ขายได้
การตลาดทางตรง (direct marketing) เป็นการสื่อสารการตลาด โดยให้พนักงานขายติดต่อไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง แบบตัวต่อตัว เพื่อการนำเสนอรายละเอียดของสินค้าและบริการ พร้อมทั้งตอบคำถามเกี่ยวกับข้อสงสัยอื่น ๆ เพิ่มเติม เป็นการสื่อสารการตลาดที่ไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานขาย และมีรูปแบบวิธีการสื่อสารหลายรูปแบบทั้งทางโทรศัพท์ การเข้าพบทางอีเมล์ ฯลฯ (สุนันทา เสถียรมาศ, 2551 : ออนไลน์)
การตลาดทางตรงมีหลายรูปแบบ เช่น การขายสินค้าทางไปรษณีย์ การขายทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ต เป็นการสื่อสารที่เจาะเข้าถึงลูกค้าเป็นรายตัว สามารถจัดหาสินค้าบริการที่เหมาะสมสอดคล้องกับลูกค้าแต่ละราย และสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับผู้ขายได้
การตลาดทางตรง (direct marketing) เป็นการสื่อสารการตลาด โดยให้พนักงานขายติดต่อไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง แบบตัวต่อตัว เพื่อการนำเสนอรายละเอียดของสินค้าและบริการ พร้อมทั้งตอบคำถามเกี่ยวกับข้อสงสัยอื่น ๆ เพิ่มเติม เป็นการสื่อสารการตลาดที่ไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานขาย และมีรูปแบบวิธีการสื่อสารหลายรูปแบบทั้งทางโทรศัพท์ การเข้าพบทางอีเมล์ ฯลฯ (สุนันทา เสถียรมาศ, 2551 : ออนไลน์)
การทำ Keyword Search Engine
Keyword เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้บล็อกหรือเว็บไซต์ของเราถูกค้นพบได้โดยง่าย เพราะในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนโลก Internet ผู้คนส่วนใหญ่มักจะใช้ keyword ในการค้นหา เช่นถ้าคุณสนใจเรื่องการทำ Blogger คุณก็อาจจะใช้คำค้นว่าBlogger ,สอนทำ Blogger หรือวิธีสร้าง Blogger เป็นต้น
Algorithm ของ Search Engine เองก็ให้ความสำคัญกับ keyword เช่นกัน โดยจะเก็บสถิติการค้นของคำต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งข้อมูลที่เก็บไว้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำ SEO ทั่วไป หรือสำหรับผู้ที่ทำ Internet Marketing เช่น PPC (Pay Per Click) Amazon Affilate ก็หยิบจับสถิติเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Search Engine เองก็จะตีความเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกเองได้ยากถ้าในเนื้อหาหรือในหน้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ไม่มีความ Density (ความหนาแน่น) ของ Keyword เพียงพอ และจะส่งผลสืบเนื่องต่ออันดับการค้นหาที่ไม่ดีไปด้วย
Algorithm ของ Search Engine เองก็ให้ความสำคัญกับ keyword เช่นกัน โดยจะเก็บสถิติการค้นของคำต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งข้อมูลที่เก็บไว้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำ SEO ทั่วไป หรือสำหรับผู้ที่ทำ Internet Marketing เช่น PPC (Pay Per Click) Amazon Affilate ก็หยิบจับสถิติเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Search Engine เองก็จะตีความเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกเองได้ยากถ้าในเนื้อหาหรือในหน้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ไม่มีความ Density (ความหนาแน่น) ของ Keyword เพียงพอ และจะส่งผลสืบเนื่องต่ออันดับการค้นหาที่ไม่ดีไปด้วย
แบบไหนจึงจะเรียกว่า Keyword?
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)