Welcome to Blog ห้องสมุดความรู้ หากท่านถูกใจ ฝากกดแชร์( Like) (G+) (Tweet) ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้จัด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ #4289
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ keyword แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ keyword แสดงบทความทั้งหมด

การทำ Keyword Search Engine

Keyword เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้บล็อกหรือเว็บไซต์ของเราถูกค้นพบได้โดยง่าย เพราะในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนโลก Internet ผู้คนส่วนใหญ่มักจะใช้ keyword ในการค้นหา เช่นถ้าคุณสนใจเรื่องการทำ Blogger คุณก็อาจจะใช้คำค้นว่าBlogger  ,สอนทำ Blogger หรือวิธีสร้าง Blogger เป็นต้น

Algorithm ของ Search Engine เองก็ให้ความสำคัญกับ keyword เช่นกัน โดยจะเก็บสถิติการค้นของคำต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งข้อมูลที่เก็บไว้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำ SEO ทั่วไป หรือสำหรับผู้ที่ทำ Internet Marketing เช่น PPC (Pay Per Click) Amazon Affilate ก็หยิบจับสถิติเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ Search Engine เองก็จะตีความเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกเองได้ยากถ้าในเนื้อหาหรือในหน้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ไม่มีความ Density (ความหนาแน่น) ของ Keyword เพียงพอ และจะส่งผลสืบเนื่องต่ออันดับการค้นหาที่ไม่ดีไปด้วย 

วิธีทำ Keyword Research SEO วิธีส้รางบล็อก blogger blogspot 

แบบไหนจึงจะเรียกว่า Keyword?


เทคนิคการทำเว็ปให้ติดอันดับ Search Engine

1. การทำ Search Engineการทำ Search Engine
ฟังเหมือนง่าย แต่ยากที่จะทำ แต่เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้คนเข้าเว็บไซต์ของเราได้เยอะที่สุดและดีที่สุด เพราะ 80% นั้นคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรามาจาก Search Engine กันทั้งนั้น โดยการทำ เว็บไซต์ให้ Google รู้จักนั้น มีดังนี้
1.1 ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บ
การใส่ keywords ใน title นี้จะช่วยทำให้ Search Engine ต่างๆ รู้ว่า เว็บเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีผลกับการทำ adsense ด้วยนะ เพราะโฆษณาที่ปรากฏนี้จะอ่านจาก title นี้เป็นสำคัญทีเดียวตัวอย่างการใช้งาน :[title] keyword หลัก , keyword รอง , keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น
1.2 การใส่ Key Word ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนาใส่ keywords ที่เราต้องการให้ระบบของ google จับไปว่า เว็บไซต์ของเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ก็ควรใส่ keywords นั้นๆ เป็นตัวหนา เป็น head1 head2 ยิ่งดีนะ เพราะ พวก search Engine ที่เข้ามาเก็บข้อมูลนั้นจะได้เข้ามาได้ง่ายๆ และรู้ว่า ทั้งเว็บนี้คือเรื่องอะไรตัวอย่างการใช้งาน : [H1] Keyword [/h1] หรือ [H2] Keyword [/H2]
ตัวอย่างการใช้งาน : [BODY][B] Keyword [/B][/BODY]
1.3 หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ
ไม่มีตัวหนังสือการทำเว็บไซต์ด้วยการมี flash หรือรูปภาพล้วนๆ นั้น Search Engine ต่างๆ เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์เราแล้ว จะอ่านไม่ออกนะ ดังนั้น หลีกเลี่ยงการใช้ flash หรือรูปภาพ มีได้บ้างเล็กน้อย แต่อย่าทำทั้งเว็บ เพราะ Search engine มันอ่านได้แต่ตัวอักษรหรือ html ปกติเท่านั้น

การทำ SEO, เทคนิคการทำ SEO โดย Keyword

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer 
นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด
ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <div> และ <span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ
เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ
  1. ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา index ข้อมูลอันดับแรก ๆ
  2. ใช้ tag Heading (พวก <h*></h*> ต่าง  ๆ) ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป
  3. ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร
    เช่น <img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” />
  4. ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้ เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป
  5. ใช้ Sitemapดยการสร้าง Sitemap นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง ๆ พวก Drupal, Wordpress, XOOP, Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
  6. ทำ URL Friendly หรือ Rewrite URL การทำ URL Friendly นั้นช่วยให้ Search Engine เข้าใจ URL ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น

แบ่งปันเกี่ยวกับการใช้ Keyword กับ Blog MLMหรือ Website MLM ของคุณให้ถูกหลัก SEO ( Search Engine Optimization ) เพื่อให้ Blog MLM ของคุณถูกค้นพบง่ายขึ้น ต่อจากบทความที่แล้วกันเลยนะคะ
หลังจากที่คุณได้คัดสรร Keyword เด็ด ๆ โดน ๆ เพื่อนำมาจดโดเมนเนมมากมาย จนได้ชื่อที่ถูกใจคุณแล้ว ( แต่ไม่รู้ถูกใจผู้คน หรือ เข้าตากรรมการอย่าง Google ตัวแม่หรือเปล่า) ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะคะ เพราะต่อจากนี้ไป สิ่งที่คุณจะปฎิบัติอย่างเคร่งครัดกับ Blog MLMของคุณกำลังจะเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และจะมีผู้คนคลิกเข้า Blog MLM ของคุณเพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ
ก่อนอื่น ต้องออกตัวนี๊ดนึง ว่าตัวดิฉันเองไม่ใช่กูรูหรือเชี่ยวชาญอะไรนัก แต่ที่อยากจะแบ่งปันในเรื่องนี้ เพราะเห็นเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ กับเพื่อน ๆ ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมา ตัวดิฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเลย แต่ด้วยความที่ชอบที่จะเรียนรู้และทดลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ก็เลยพอมีประสบการณ์การทำ SEO ด้วยตัวเองมาแบ่งปันใน Blog ให้คุณได้อ่านในวันนี้ไงคะ
ร่ายมาซะยาว ใครถามไม่ทราบ? ไม่เป็นไรค่ะ เอาล่ะนะ เริ่มต้นเลยแล้วกัน ตั้งแต่หัวจรดท้าย แล้วคุณก็ทำตาม Step เลยนะคะ
วิธีการคัดเลือก Keyword ให้โดนใจเจ้าแม่ Google ต้องใส่ตรงไหน ใส่มากเท่าไร แล้วใส่รูปแบบยังไงนั้น สิ่งสำคัญที่สุด ก่อนที่คุณจะเริ่มเขียนเนื้อหาหรือบทความ คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ได้ก่อน แล้วคิดต่อว่าเขาจะ Search ด้วยคำว่าอะไร … ติ๊กตอก ๆ ๆ ๆ
… คิดออกรึยังค่ะ ถ้าคิดออกแล้ว มาคิดต่อว่าเขาจะค้นหาคำว่าอะไรเป็นหลัก 1,2,3… แล้วนำคำเหล่านั้นไปวิเคราะห์ ด้วยการ Search หาดูว่ามีคนใช้ไปแล้วมากน้อยแค่ไหน เราควรจะปรับแต่ง Keyword ของเราอย่างไรให้มาเป็นคำที่โดนที่สุด โดยคุณอาจจะนำ Trend ของการใช้คำที่ทันสมัย คำที่ฮิตตลอดกาล คำที่มาจากละคร ภาพยนตร์ บทเพลง หรือคำอะไรก็ตามที่ช่วงนี้เขาใช้กัน มาปรับเข้ากับ Keyword ของคุณ แล้วก็เริ่มบรรเลงลงใน Blog ของคุณกันเลย
1. เริ่มจากชื่อหน้าเพจ หรือชื่อหน้า Blog MLM ของคุณ Keyword คำแรกสำคัญที่สุดค่ะ ส่วนคำที่ 2 ที่ 3 เรียงจากซ้ายไปขวานะคะ ความสำคัญจะลดหลั่นลงมาตามลำดับ เพื่อให้ Search Engine รับรู้ว่าหน้าเพจของคุณกำลังทำอะไร หรือขายอะไรอยู่
2. ชื่อบทความ หรือหัวข้อที่คุณจะเขียน Keyword ใน ส่วนนี้ จะต้องเป็นตัวอักษรที่เราต้องเน้น ขนาดก็ประมาณ H1,H2 เพื่อให้ Search Engine ได้รู้ว่าเป็นคำหลักก่อนเข้าสู่เนื้อหา แล้วเข้ามา Index ข้อมูลของเราในอันดับแรก ๆ
3. เนื้อหาเกริ่นนำในส่วนแรก หรือย่อหน้าแรก ควรจะมี Keyword อย่างน้อย 1-2 คำที่มีอยู่ในชื่อบทความของเราด้วย หรือ ถ้าไม่มี ให้คุณเน้น Keyword อื่นเป็นตัวหนา ตัวเอียง หรือขีดเส้นใต้
4. เนื้อหาส่วนกลาง ถ้าหากเนื้อหามาก คุณก็อาจแบ่งเป็น 2-3 ย่อหน้าก็ได้ค่ะ และควรจะมี Keyword ใส่เข้าไปอีกอย่างน้อยอีก 3-5 คำ
5. เนื้อหาสรุปส่วนสุดท้าย อย่าลืมใส่ Keyword ไปด้วยนะคะ เพราะเป็นการช่วยเน้นย้ำ โดยใส่เป็นตัวหนาหรือตัวเอียงก็ได้ค่ะ
6. การแทรก Keyword เข้าไปกับ Link ที่ต้องการเชื่อมโยง ก็สำคัญมาก ๆ อย่าลืมเชียวนะคะ
7. ใช้ Keyword ตั้งชื่อ รูปภาพ หรือชื่อไฟล์ประกอบในบทความ ก็เป็นตัวสื่อได้ดีทีเดียว ควรจะให้ชื่อสอดคล้องกับเนื้อหาด้วยนะคะ สมมติว่าไฟล์รูปเดิมของคุณเป็น Dx122535 ทาง Search Engine เขาไม่รู้จักหรอกค่ะว่าคืออะไร ไปเปลี่ยนซะนะจ๊ะ
8. การใช้ Keyword ในส่วนของ Menu ต่าง ๆ ที่ต้องใส่ใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นจุดสื่อได้ชัดเจนเลยว่าใน Blog MLM ของคุณครอบคลุมด้วยเรื่องอะไรบ้าง ในส่วนนี้ลองพยายามคิดหน่อยนะคะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดได้ยิ่งดีค่ะ
9. ในส่วนของ Tag อันนี้ของตาย ที่ทุกคนไม่พลาดแน่ที่จับยัดสารพัด Keyword เข้าไปให้มากที่สุด ทั้งคำที่เกี่ยวข้องกับ Blog MLM ของคุณโดยตรง กับคำที่คล้าย ๆ หรืออยู่ในวงการเดียวกับคุณ ก็นำมาใส่กันจนล้น …จริง ๆ แล้วไม่ต้องใส่เยอะจนรกหน้าจนเกินไป เลือกเฉพาะสำคัญ ๆ จริง เพราะดิฉันเคยเห็น Blog บางคน ไม่รู้ใช้ Theme อะไรมี Tag รกเต็มหน้าเลย บาง Blog ตัวอักษรขึ้นโชว์ซ้อนกันก็มี จนดูไม่เป็นระเบียบ ไม่น่าอ่านค่ะ
10. ข้อสุดท้าย ข้อนี้สำคัญมาก ๆ ค่ะ เมื่อคุณทำทุกข้อครบตามลำดับแล้ว ต่อไปเป็นการตรวจสอบในส่วนของ text html ซึ่งเป็นรูปแบบของ code ที่ Search Engine ชอบและเข้าใจง่ายกว่าแบบตัวอักษรธรรมดา
Code ต่าง ๆ ในบทความที่คุณต้องตรวจสอบก่อนโพสต์ ได้แก่  H1, H2, H3, H4, H5, H6, <a>, <b>, <i>, <u>,<img>, <script>, <div>, </body>, <head>  และ </html> ที่ต้องเน้นให้มี เพราะ Search Engine จะสื่อสารกันในรูปแบบ html  และ url ได้ดีกว่ารูปแบบตัวอักษร ยิ่งมีครบยิ่งดีค่ะ
และทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมา เป็นประสบการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นได้จริง ด้วยบทความของดิฉันเอง เกี่ยวกับการทำ SEO จำนวน 2 บทความ  ที่ทดสอบกับ Google ด้วยการใช้ Keyword  2 คำในการ Search ข้อมูลเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ดังนี้
1. Blog MLM
ติดอันดับ 2-5 จากผลการค้นหา  3,480,000 รายการ
2. MLM  SEO
ติดอันดับ 3-5 จากผลการค้นหา  1,470,000 รายการ
3. Keyword MLM                 
ติดอันดับ 2 จากผลการค้นหา    674,000 รายการ 
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นความรู้เบื้องต้นของมือใหม่หัดทำ SEO ด้วยตัวเองแล้วหล่ะค่ะ ไม่เห็นจะยากอย่างที่คิดไว้เลยใช่มั๊ย  เรื่องพื้น ๆ ทั้งนั้น  แค่ใส่ใจในรายละเอียดตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ก็ได้ผลลัพธ์มาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ  
แต่การทำ SEO ระดับปรมาจารย์ ขั้นเทพ ยังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกมาก ในส่วนของการวางโครงสร้างหน้าเว๊บไซต์ หรือการลิงค์ไปยังเว๊บไซต์อื่น ๆ  เป็นเรื่องของเซียน SEO ตัวจริงค่ะ พวกมือใหม่ทำกันได้เท่านี้ ก็ถือว่าสอบผ่านแล้วหล่ะค่ะ
ปล. เขียนบทความเสร็จแล้ว อย่าลืมนำไปโปรโมทนะจ๊ะ เพื่อน ๆ ทุกคน เพราะการโปรโมท Blog สำคัญอย่างยิ่ง ต่อการถูกค้นพบจาก Search Engine  อย่าลืม!!!!!

การใช้ Keyword ในการทำ Search engine Optimization หลายคนที่เป็นมือใหม่อาจไม่มั่นใจหรือใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ ควร หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางให้สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่รู้ว่าจะ ใช้ยังไง ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ อย่ามัวเสียเวลาครับเริ่มต้นกันเลย
1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา
2. ใช้ keyword ที่บริเวณชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading tag) โดยการใช้ H1,H2,H3 เป็นต้น
3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้
4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย
5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The last content) เพื่อเน้นย้ำหรือใช้ในการสรุปเนื้อหาอาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนาก็ ได้ครับ
6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop down menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ
7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder name, File name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับกับการทดลองใช้ในหลายๆ เว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย “-” เป็นตัวคั่นกลาง
8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images alt tag) การใช้ tag alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Sreach engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Sreach engine รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ tag alt นี้เข้าช่วย
9. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบาย ลิงค์ (Text link title) การใช้ text link title นั้นคลายการใช้ tag alt เพียงแต่ tag นี้ใช้อธิบาย link
10. ใช้ keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain name register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ

    เพิ่ม keyword ที่ไหนดี

    เราควรใส่ keyword ในเว็บเพจตรงใหนดี ?

    1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา อันนี้สำคัญที่สุด ห้ามขาดหรือลืมใส่เด็ดขาด เพราะจะทำให้ Search Engine ไม่ทราบว่าเนื่อหาของเราเกี่ยวกับอะไร โดย search engine จะ Title เป็นข้อหัวหลัก แล้วเอาเนื้อหามาเป็นตัวเพิ่มคะแนนของเว็บเพจนั้นๆ
    2. ใช้ keyword ที่บริเวณชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading tag) โดยการใช้ H1,H2,H3 เป็นต้น แต่ไม่ควรใส่ keyword ในทุกๆ H ใส่แค่ H1 หรือ H2 ก็พอ
    3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้
    4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย
    5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The last content) เพื่อเน้นย้ำหรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนา (แนะนำให้ใช้ tag <b>คีย์เวิร์ด</b> แทน <strong>คีย์เวิร์ด</strong> เพราะ Search Engine ชอบ HTML แบบเก่ามากกว่าแบบใหม่) ก็ ได้ครับ
    6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop down menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้าม
    7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder name, File name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับกับการทดลองใช้ในหลายๆ เว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย ?-? เป็นตัวคั่นกลาง
    8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images alt tag) การใช้ tag alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Search Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine ให้รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ tag alt=?keyword? นี้เข้าช่วย
    9. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบาย ลิงค์ (Text link title) การใช้ text link title นั้นคลายการใช้ tag alt เพียงแต่ tag นี้ใช้อธิบาย link
    10. ใช้ keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain name register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ
    11. ในส่วนของเนื้อหา ให้เน้น keyword ด้วย tag <b>คีย์เวิร์ด</b> ซัก 2-3 แห่ง แต่ต้องระวังไม่ใส่มากเกินไป
    12. ในช่วย ย่อหน้าแรกๆ ควนใส่คีย์เวิร์ด ใน tag < p> ประมาณ 2 ครั้ง จะเป็นการดี

    เทคนิคการทำเวปไซด์ติด SEO

    ตอนนี้ผมเชื่อว่าคนไทยมากกว่า 90% ที่ใช้อินเทอร์เน็ต มักจะใช้ เสริช์เอนจิ้น (Search Engine)ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ จากอินเทอร์เน็ต  และจากข้อมูลของ Truehits.net พบกว่า คนไทยเกินกว่า 90% ใช้ Search Engine ของ Google.com  (และ จากการสำรวจของผม ทุกครั้งที่มีโอกาสไปสอนและสอบถามกับคนที่เรียน พบกว่าข้อมูลเป็นไปตาม Truehits.net) จากข้อมูลที่บอกมา ทำให้เห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่จะหาเว็บไซต์ที่เค้าต้องการหา จาก Google ค่อนข้างมาก ซึ่งหากคุณ "สามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับต้นในการค้นหา ของ Search Engine" ได้ นั้นหมายถึงการที่คนที่เป็นลูกค้าคุณจะสามารถรู้ และเข้าไปยังเว็บไซต์คุณได้

                   ดังนั้นการทำการตลาดผ่าน Search Engine ถือเป็นวิธีและช่องทางที่ เจ้าของเว็บไซต์ "ทุกคน" ควรทราบและนำไปปฏิบัติกับเว็บไซต์ของคุณ โดยวันนี้ผมจะมาทิปและเทคนิคง่าย ๆ ในการทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าไปอยู่ในอันดับของ Search Engine โดยเราเรียกวิธีการทำแบบนี้ว่า Search Engine Optimization หรือ เรียกสั้นๆ ว่า SEO และทิปและเทคนิคนี้จะเน้นกับเว็ไซต์ Google.com ซะส่วนใหญ่นะครับ


    เทคนิคการทำให้เว็บไซต์ติดใน Searh Engine
    ***************************************************************************

    1. ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บ

          การใส่ Key Word ในหน้าเว็บไซต์ในส่วนของแท็ก <Title>   จะช่วยทำให้  Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์หน้านั้นๆ ของคุณ มีข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ซึ่งข้อมูลนี้จะแสดงอยู่ในตำแหน่งบนด้านบนสุดของบราวเซอร์ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่ง

    2. การใส่ Key Word ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนา

           การเน้น Key Word ที่ต้องการในหน้าเว็บไซต์ด้านบน และมีการเน้น key word ภายในหน้าเว็บไซต์ด้วย ตัวหน้า หรือการใช้แท็ก จะเป็นการเน้นให้ Search Engine รู้ว่า นี้คือคำที่เราต้องการเน้นและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่ง Search Engine จะให้ความสำคัญและน้ำหนักกับ Key Word เหล่านี้

    3. หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ ไม่มีตัวหนังสือ

           เพราะ Google จะอ่านจากโค๊ดของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งหากเว็บไซต์คุณ มีแต่ภาพ และยิ่งเป็น Flash ด้วยแล้วละก็ Google จะไม่รู้จักเว็บไซต์คุณเลยว่าเกี่ยวกับอะไร คุณควรปรับเปลี่ยนเพิ่ม ตัวหนังสือเข้าไปในเว็บไซต์ เพื่อให้ Google ได้รู้จักเว็บไซต์อของคุณ

    4. หลีกเลี่ยงใช้ออกแบบเว็บไซต์ด้วยเฟรม

           เพราะการออกแบบเว็บไซต์ด้วย เฟรม <frame>  จะทำให้ Search Engine จะไม่สามารถทราบได้ถึงข้อมูลที่มีอยู่ในเนื้อหาในหน้านั้นๆ เพราะเนื้อหาในหน้านั้น ๆได้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยการใช้เฟรม ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงซะ (การใช้เฟรม คือ การออกแบบหน้าเว็บที่มีหน้าเว็บหลาย ๆส่วนประกอบเข้าด้วยกันในหน้าเดียว)

    5. การเขียนเว็บด้วยภาษาง่าย ๆ ไม่ใช่โค๊ดที่สลับสับซ้อน

           การ ออกแบบเว็บไซต์ โดยมี code ที่สั้นและกระชับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์คุณง่ายต่อการค้นหาของ Search Engine อย่าใช้ code ฟุ่มเฟือยจนเกินไป ไม่ใช้ table มากเกินไป ลดการใช้ JavaScript และ CSS เท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ คำค้นหาสำคัญๆ ควรอยู่ส่วนบนๆของเว็บเพจให้มากที่สุด

    6. ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ และใส่คำอธิบายให้กับภาพ

           คุณ ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพที่ตรงกับ Keyword ที่คุณต้องการ และควรใส่คำอธิบายภาพ โดยใช้แท็ก <alt> คำอธิบาย </alt> เพื่อทำให้ Search Engine รู้ว่าภาพที่คุณใส่เข้าไปในเว็บไซต์คุณคือภาพอะไร และเกี่ยวกับอะไร ซึ่งจะมีผลต่อการค้นหาของ Search Engine ด้วย

    7. ใส่ คีย์เวริด์ ให้หนาแน่น ภายในหน้าเว็บไซต์

           การ ที่ในหน้าเว็บไซต์ของคุณมี Key Word ที่ซ้ำๆ หลายๆ คำในหน้านั้นๆ  (Key Word Density)  นั่นหมายถึงหน้าๆ นั้นของคุณมีข้อมูลและเรื่องราวที่เกี่ยวกับคำๆนั้น  ซึ่ง Search Engine ให้ความสำคัญกับส่วนนี้ เช่นกัน ซึ่งควรจะมีการซ้ำๆ กันของ Key Word ในหนึ่งหน้าเว็บ ไม่ควรเกิน 20%  ซึ่งหากใส่มากเกินไปจะกลายเป็นการ Key Word Spamming ซึ่งอาจจะทำให้เว็บไซต์คุณโดนบล็อกไปเลย

    8. ขนาดไฟล์ HTML ของหน้าเว็บไซต์ไม่ควรเกิน 32K

           ถ้า หน้าเว็บไซต์ของคุณ มีขนาดใหญ่จนเกินไป จะทำให้ Search Engine ไม่สามารถเก็บข้อมูลของหน้าเว็บไซต์คุณได้ ดังนั้นในการออกแบบ ควรไม่ให้มีขนาดไฟล์ HTML ไม่เกิน 32K

    9. แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ

           การ แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ และมีเว็บไซต์อื่นๆ ลิงค์มาหาคุณเยอะๆ เป็นการแสดงว่า เว็บไซต์คุณเป็นที่รู้จักจาก ซึ่ง Google จะให้คะแนนของเว็บไซต์คุณ โดยเป็นค่า Page Rank (PR)โดยจะมีการให้คะแนนเอาไว้มีค่าตั้งแต่ 1-10 คะแนน โดยเว็ปเพจใดที่ google เห็นว่าเป็นเว็ปเพจที่ “ สำคัญ ” ซึ่งหากเว็บไซต์คุณมีค่า Page Rank สูงก็จะมีผลต่ออันดับในการแสดงใน google  โดยเราสามารถทราบค่า PR ของเว็บไซต์เราได้ โดย download และ install google toolbar (http://toolbar.google.com) หลังจากนั้นคุณจะสามารถดูคะแนน PR ของคุณที่จัดโดย google ได้

    10. ทำ Site Map ให้กับเว็บไซต์ของคุณ

           Site Map ก็คือแผนที่เว็ปไซด์ของคุณ ว่าเว็ปไซด์คุณมีหน้าเว็ปต่างๆ อยู่ที่ไหนบ้าง หน้าไหน link ไปสู่หน้าไหน เป็นการรองรับให้ทุกๆ หน้าของเว็ปไซด์คุณถูกเข้าถึงได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Google สามารถทราบได้ว่าในเว็บไซต์ของคุณมีหน้าเว็บอะไรบ้างทั้งหมด

      จริงๆ แล้วจะมีเทคนิคและรายละเอียดมากกว่านี้เยอะมากครับ แต่ผมสรุปเอาจุดเด่นๆ เอามาให้ผู้ที่มีเว็บไซต์และอยากติดอันดับใน Search Engine ซึ่งหากสนใจ อยากศึกษาเพิ่มเติม หรือมีคำถามอยากสอบถาม ตอนนี้ได้มีกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการทำ Search Engine Optimization (SEO)ได้รวมตัวกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำ SEO ที่เว็บไซต์ www.SEO.in.th ยังไงก็อยากให้คนที่ทำเว็บไซต์คุณ ไม่ละเลยเรื่องการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์คุณนะครับ รีบเริ่มทำซะวันนี้นะครับ หากยิ่งช้าไป เว็บไซต์คุณ อาจจะล้าหลังจากคู่แข่งคุณไปมากนะครับ... เอ้าาา ลุยยยยย.....