Welcome to Blog ห้องสมุดความรู้ หากท่านถูกใจ ฝากกดแชร์( Like) (G+) (Tweet) ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้จัด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ #4289

ทำไมถึงปิดการขายไม่ได้สักที?

ทำไมถึงปิดการขายไม่ได้สักที?



ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับนักขายที่ไม่ประสบความสำเร็จในการขายก็คือ การมีทัศนคติไม่ดีต่อลูกค้า มองลูกค้าเป็นคนที่ คุณต้องเอาชนะให้ได้ จึงไม่ได้ปฏิบัติกับลูกค้าอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย และไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก แต่มุ่งความต้องการ ปิดการขายของตนเองมากกว่า หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการขาย จงเปลี่ยนทัศนคติของคุณตั้งแต่วันนี้
  • ลูกค้าชนะ...คุณก็ชนะ
    การขายที่ดีที่สุดคือการขายที่ผู้ขายและผู้ซื้อได้รับประโยชน์เป็นที่พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกว่า Win-Win ซึ่งหมายความว่า คุณชนะ เพราะลูกค้าชนะ ไม่ใช่การมีชัยชนะเหนือลูกค้า เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าจากคุณ เขาซื้อผลประโยชน์ และผลประโยชน์นั้นอาจอยู่ในรูปของการผลิตที่เร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง ยอดขายสูงขึ้น เป็นต้น คุณต้องเฝ้ามองลูกค้าและเห็นลูกค้าเกิดประโยชน์เหล่านั้นด้วย ไม่ใช่แค่ปิดการขายได้แล้วก็จบ ไม่สนใจลูกค้าอีกต่อไป
  • อย่ามองลูกค้าเป็นศัตรู
    เมื่อคุณมองลูกค้าเป็นศัตรู นั่นหมายความว่าความคิดคุณจะเป็นตัวกำหนดการกระทำของคุณ คุณคิดว่าลูกค้าเป็นศัตรู คุณจึงต้องพยายามเอาชนะลูกค้า หลอกลวงลูกค้าด้วยปัญญาหรือแสดงตัวข่มลูกค้า พฤติกรรมเช่นนี้จะไม่มีวันทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็นนักขายได้เลย ในทางกลับกันคุณยังจะเสียลูกค้า และอาจเกิดชื่อเสียงที่ไม่ได้กับตัวคุณด้วย

เคล็ดลับการขายพิชิตใจลูกค้า


เคล็ดลับการขายพิชิตใจลูกค้า


เชื่อหรือไม่ว่า เคล็บลับการขายที่จะพิชิตใจลูกค้าได้นั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก สลับซับซ้อน
หรือชักแม่น้ำทั้งห้า หากแต่เป็นการสื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย และไม่ทำให้ลูกค้าอึดอัด
ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยให้งานขายของคุณง่ายขึ้นค่ะ
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนสนใจ
หนทางสู่ความสำเร็จในการขายมีหลายวิธี แต่หนทางสู่ความล้มเหลวหนทางหนึ่งคือ การพยายาม
ทำให้ทุกคนพอใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีความต้องการเหมือนกันในเวลาเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะพยายามพูดให้ทุกคนสนใจสิ่งที่คุณขายได้ทั้งหมด

บอกลูกค้าให้ชัดเจนว่าคุณขายอะไร

เสนอขายสินค้าแบบเข้าใจง่ายและตรงประเด็น ไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์
ถ้อยคำสวยหรูแต่ฟังดูคลุมเครือ เพียงบอกลูกค้าว่าคุณชื่ออะไร มาจาก
บริษัทใด ต้องการขายอะไร มีประโยชน์กับเขาอย่างไร โดยเป้าหมายของคุณ
นั้น ไม่จำเป็นต้องขายสินค้าให้ได้ในครั้งแรกก็ได้ แต่สิ่งที่ควรขายให้ได้ คือ
การนัดหมายหรือโอกาสในการพรีเซนต์สินค้าเพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติม

สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้า

นักขายที่ดีนอกจากจะมีความมั่นใจในสิ่งที่ขายแล้ว ยังต้องสร้าง
สัมพันธภาพอันดีกับลูกค้า แสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย ไม่ใช่คิดแต่จะ
ขายของเพียงอย่างเดียว แต่ควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์
กับลูกค้า อธิบายข้อโต้แย้งต่าง ๆ ของลูกค้าอย่างจริงใจ ตลอดจนให้คำ
แนะนำวิธีการใช้สินค้าอย่างปลอดภัย และให้คิดเสมอว่าบริการที่ดีนั้นก็มี
ความสำคัญไม่แพ้เรื่องคุณภาพสินค้าที่ดีเลย

พยายามแต่พอดี

นักขายที่ดีควรรู้ว่าเมื่อไรที่ควรหยุด รู้จักสังเกตปฏิกิริยาของลูกค้า จาก
การปฏิเสธด้วยเหตุผลและท่าทีต่าง ๆ หากพบว่าลูกค้าไม่พร้อมที่จะซื้อ
สินค้าของคุณก็ไม่ควรตื๊อให้เสียลูกค้า จะเป็นการดีกว่าหากคุณเลือกที่จะจบ
การสนทนาด้วยการขอบคุณลูกค้าที่ให้โอกาสคุณได้นำเสนอ และแสดงความ
เข้าใจในเหตุผลของลูกค้า เพื่อรักษาสัมพันธภาพในระยะยาวเอาไว้

ศึกษาจากคนเก่ง

ขอคำแนะนำและศึกษาวิธีการขายจากนักขายที่ประสบความสำเร็จ
ประสบการณ์จากนักขายที่มีชั่วโมงบินสูงนี่แหละที่จะ ให้ประโยชน์กับคุณ
อย่างมาก หาโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับนักขายมืออาชีพ
ในวงการของคุณ คุณจะได้เรียนรู้กลยุทธ์ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณ
เข้าใกล้เป้าหมายของคุณได้ง่ายขึ้น

การค้าเสรีอาเซียนหรือ AFTA (ASEAN Free Trade Area)


AEC การค้าเสรีอาเซี่ยน


การเปิดเสรีด้านการค้า 
เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนหรือ AFTA (ASEAN Free Trade Area) ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2535 โดยมีการทยอยลดอัตราภาษีศุลกากรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างต่อเนื่อง และในปี 2553 นี้ประเทศอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไน จะต้องลดอัตราภาษีศุลกากรระหว่างกันให้เหลือ 0% ในรายการ Inclusive List ขณะที่ ประเทศสมาชิกใหม่อีก 4 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม ต้องทยอยลดอัตราภาษีศุลกากรจนเหลือ 0% ภายในปี 2558 การเปิดเสรีการค้าของอาเซียนทำให้สินค้าส่งออกหลายรายการของไทยได้เปรียบคู่แข่งในอาเซียนในขณะที่สินค้าบางรายการต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงขึ้น
สินค้าที่ส่งออกไปต่างประเทศแล้วจะได้เปรียบดังนี้
ประเทศอินโดนีเซีย อาทิ ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์ ยาง และ เฟอร์นิเจอร์
ประเทศมาเลเซีย อาทิ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์
สินค้าที่ไทยต้องปรับตัวสู้
ประเทศอินโดนีเซีย อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผ้าผืน เม็ดพลาสติก
ประเทศฟิลิปปินส์ อาทิ ยางพารา ผ้าผืน
ซึ่งแนวทางในการปรับตัวของสินค้าเกษตร ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงพันธุ์พืช การพัฒนาระบบชลประทานและการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว รวมถึงการแปรรูปวัตถุดิบขั้นต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอีกด้วย ในส่วนของแนวทางปรับตัวของสินค้าอุตสาหกรรมนั้น ผู้ประกอบการควรหันมาแข่งขันด้านคุณภาพแทนการแข่งขันด้านราคา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity & Innovation) ผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า สาเหตที่ทำให้สินค้าส่งออกของไทยบางรายการแข่งขันได้ยากนั้น ส่วนนึงเป็นเพราะมีปัญหาในทางปฏิบัติที่เป็นข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากข้อตกลง AFTA อาทิ ปัญหาเกี่ยวกับกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTMs) การที่บางประเทศยังคงปกป้องผู้ผลิตในประเทศของตน รวมทั้งการที่ผู้ประกอบการของไทยขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อตกลง AFTA เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาทที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้การใช้ประโยชน์จาก AFTA มีมากขึ้น

 http://www.thai-aec.com/32#ixzz20MLGCJ5R

เทคนิคการจำชื่อคนให้แม่น


จำชื่อให้แม่น

6 ขั้นตอนในการจำชื่อคนให้แม่น



คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการจำชื่อคนหรือเปล่าครับ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรก ถ้ามี ลองนำเทคนิคง่ายๆ ต่อไปนี้ไปลองใช้ดูสิครับ

1. เมื่อแรกพบหน้า ให้คุณมองหาสิ่งที่เป็นลักษณะพิเศษบนใบหน้าของบุคคลนั้น (มองเฉย ๆ อย่างสุภาพนะครับ ไม่ต้องถึงกับลงมือสำรวจ หรือกระทำให้เสียอาการแต่อย่างใด) เช่นไฝ ปาน ขี้แมลงวัน แผลเป็นบนใบหน้า ลักษณะรูปร่างของจมูก หรือรูปร่างของเรียวปาก เมื่อคุณได้พบหน้าคนนี้ครั้งต่อไป ลักษณะพิเศษที่คุณได้จดจำเอาไว้มันจะเด่นออกมาในความรู้สึกคุณ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้จดจำเขาได้

2. เมื่อเขาได้แนะนำชื่อให้คุณรู้จัก ต้องตั้งใจฟังชื่อเอาไว้ให้ดี

3. เมื่อได้ยินชื่อแล้ว ให้แปลชื่อนั้นไปเป็นภาพในหัวของคุณ เช่นถ้าคนนั้นชื่อคุณธนชาติ คุณอาจจะคิดภาพของธนบัตรที่เป็นรูปธงชาติ หรือชื่อสมบัติ ก็ให้นึกถึงหีบสมบัติที่มีทรัพย์สินเงินทองล้นออกมามากมาย (วาดภาพให้เวอร์ๆ ไว้ครับ แล้วจะทำให้คุณจำได้แม่น) ลูกน้องผมคนนึงชื่อ Barry ผมก็นึกถึงข้าว Barley ซึ่งออกเสียงคล้ายๆ กัน

4. ขั้นตอนต่อไปให้กล่าวทักทายด้วยการเอ่ยชื่อคนนั้น แทนที่จะกล่าวว่าสวัสดีหรือยินดีที่ได้รู้จัก เฉยๆ เช่นเมื่อเขาแนะนำว่าเขาชื่อสมชาย ให้คุณกล่าวทันทีว่า "สวัสดีครับคุณสมชาย" หรือ "ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณสมชาย"

5. ในขณะที่คุณได้กล่าวชื่อของเขาอยู่นั้นก็ให้นึกถึงภาพในใจที่คุณสร้างขึ้นมาหรือนึกถึงลักษณะพิเศษบนใบหน้าของผู้นั้น

6. ตลอดระยะเวลาที่คุณพบบุคคลนั้นให้หมั่นทบทวนในใจถึงชื่อของเขาและภาพเชื่อมโยงที่ท่านสร้างขึ้นมา

รับรองครับว่าถ้าท่านนำวิธีนี้ไปใช้่ท่านจะจำชื่อคนได้แม่นขึ้นกว่าเดิมแน่นอน แล้วพบกันใหม่ครับ



ความหมายของ "ความจำ" เป็นคำที่ใช้อธิบายวิธีการที่ข้อมูล หรือสิ่งที่เรียนรู้ถูกบันทึก และเก็บไว้ถาวรในความจำระยะยาวและสามารถที่จะค้นคืนหรือเรียกมาใช้ (Retrieve) ในเวลาที่ต้องการได้ ความรู้ที่นักเรียนเรียนรู้แล้วแต่จำไม่ได้ก็จะไม่มีประโยชน์ นักเรียนส่วนมากจะไม่มีวิธีการเรียนและวิธีจดจำที่มีประสิทธิภาพ วิธีทั่วๆไป
ที่นักเรียนใช้อยู่เสมอ เช่น การอ่านทบทวนการสรุปและการขีดเส้นใต้ใจความสำคัญนั้น ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยความจำ ความจริงแล้วมนุษย์เราได้ค้นพบวิธีช่วยความจำ (Memonic Device) ที่ได้ผลดีมากมานานนับเป็นพันๆ ปีแล้ว เยสท์ ลูเรีย ฮันท์ และเลิฟ (Yates, 1966 Luria, 1968 Hunt and Love, 1972) พบว่า การสอนเทคนิคในการช่วยความจำให้แก่นักเรียน เพื่อนักเรียนจะได้เก็บสิ่งที่เรียนรู้ไว้ในความทรงจำได้นาน ๆ
เทคนิคช่วยความจำที่ใช้กันอยู่มีทั้งหมด 6 วิธี คือ
(1) การสร้างเสียงสัมผัส
(2) การสร้างคำเพื่อช่วยความจำจากอักษรตัวแรกของแต่ละคำ
(3) การสร้างประโยคที่มีความหมายจากอักษรตัวแรกของกลุ่มของที่จะจำ
(4) วิธี Pegword
(5) วิธีโลไซ (Loce)
(6) วิธี Keyword ซึ่งเป็นวิธีที่ใหม่ที่สุด

เทคนิคการเรียกเงินเดือนในการสมัครงาน

เทคนิคการสมัครงาน



เทคนิคการหางานทำ – ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่?


คำถามนี้  คงเป็นที่คาใจของหลายคน  โดยเฉพาะบัณฑิต

ใหม่ๆ   เมื่อคุณยังไม่เคยทำงานมาก่อน  ไม่แปลกหรอกที่

คุณไม่รู้เกี่ยวกับตัวเลขพวกนี้  แต่บางคนคงพอรู้มาบ้าง

จากรุ่นพี่  ญาติ  เพื่อน  หรือบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาแนะนำใน

มหาวิทยาลัย

ฉันเชื่อ  การที่คุณตัดสินใจสมัครงานสักงานหนึ่ง  คุณน่า

จะมีประมาณการตัวเลขนี้ไว้ในใจแล้ว
  เพราะในสาย

วิชาชีพที่คุณจบมา  มักมีการพูดถึงตัวเลขเหล่านี้อยู่เสมอ

เช่น  รุ่นพี่คนนี้จบสังคมสงเคราะห์  ไปทำงานเลขานุการ

กรรมการผู้จัดการ  บริษัทเอบีได้เงินเดือน 10,000.-บาท

หรือรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง  จบหนังสือพิมพ์  ไปทำงานนักข่าว

สายการเมืองกับหนังสือพิมพ์กขได้เงินเดือน  15,000.-

บาทเป็นต้น