ในยุคสมัยนี้ หลาย ๆ ธุรกิจ ต่างให้ความสนใจและทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ (Public Relation) หรือ PR กันมากขึ้น ถ้าไม่ทำและไม่รู้จัก PR ก็คงเป็นธุรกิจที่ไม่ทันสมัย แต่ยังมีอีกหลายธุรกิจ ที่ยังไม่ทราบว่างาน PR มีลักษณะและความสำคัญต่อองค์การธุรกิจอย่างไร ?
PR เป็นกิจกรรมหนึ่งของการส่งเสริมการตลาด หรือ Promotion ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ องค์การ หน่วยงาน หรือธุรกิจ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการสื่อสารเชิงรุก ให้เกิดการรับรู้ รู้จัก จูงใจ เกี่ยวกับตัวสินค้า บริการ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ธุรกิจหรือหน่วยงาน อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อ สินค้า ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมหลักดังต่อไปนี้ คือ
Advertising การโฆษณาสินค้า /บริการ ผ่านสื่อต่าง ๆ ที่พวกเรารู้จักและพบเห็นจากสื่อที่หลากหลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ สปอตวิทยุ อินเตอร์เน็ต ไวนิล โปสเตอร์ แผ่นพับ โบรชัวร์ ป้ายไฟวิ่ง/Moving Sing board ป้ายCut out /Bill Board Tower Media ฯลฯ
Personal selling เป็นการให้ข้อมูล คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้า/บริการ และจูงใจให้ซื้อสินค้า/บริการโดยใช้ พนักงานขาย หรือPC ซึ่งมักใช้กับสินค้า/บริการที่มีราคาสูง หรือสินค้า/บริการประเภทเทคโนโลยี หรือสินค้า/บริการ ที่ต้องให้คำอธิบายใน รายละเอียดการใช้งานของตัวสินค้า
Sales Promotion เป็นกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจแก่กลุ่มลูกค้าในระยะเวลาอันสั้นและเร่งให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการลด แลก แจก แถม ชิงโชค ให้คูปองและอื่น ๆ อีกมากมายที่คนไทยอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ต่างถูกอกถูกใจ ให้ความสนใจ บางทีแย่งซื้อกันเกือบไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตามกิจกรรมการส่งเสริมการขาย Sales Promotion จัดขึ้นบ่อย ๆ ก็ไม่ดีแน่ เพราะมันจะทำให้ภาพลักษณ์สินค้าในสายตาลูกค้าลดลง
Public Relation หรือ PR เป็นการทำประชาสัมพันธ์กับนักข่าว สื่อสารมวลชนแขนงต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หนังสือ-พิมพ์ วิทยุ เพื่อให้เขาเหล่านี้ นำข่าวของเราไปบอกเล่า เขียน ตีพิมพ์ ประกาศ ประชาสัมพันธ์เพื่อขยายผลต่อกับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้านั่นเอง
Event เป็นกิจกรรมพิเศษยอดฮิตติดลมบน และพบว่าธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการทำ Event มากขึ้น โดยจัด กิจกรรม ส่งเสริมการตลาดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสร้างกระแส โดยบูรณาการกิจกรรมการส่งเสริม- การตลาดที่กล่าวมาข้างต้นหลาย ๆ อย่างร่วมกัน
กิจกรรมการส่งเสริมการตลาด สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวสินค้าและธุรกิจได้ดีมาก แต่ธุรกิจก็ต้องสิ้นเปลือง งบประมาณ ค่าใช้จ่ายกับกิจกรรมเหล่านี้ เพื่อให้ผู้รับสาร ลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์การ ธุรกิจ ได้รู้จักกับตัวสินค้า/บริการ หรือแม้กระทั่งให้พนักงานในองค์การได้รู้จักกับหน่วยงานของตนมากขึ้น ในสมัยนี้ไม่เพียงแต่ภาคธุรกิจเท่านั้น หน่วยงานภาค รัฐบาล รัฐวิสาหกิจเองก็ใช้กิจกรรมเหล่านี้มากขึ้นเช่นกัน และที่ยังแสดงให้เห็นบทบาทของการส่งเสริมการตลาดอีกตัวหนึ่ง ที่เห็นได้ชัด ซึ่งอีกหลายคนก็ยังไม่ทราบ นั่นคือในราคาผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น จะเห็นได้ว่ามีต้นทุนเกี่ยวกับการทำการส่งเสริม การตลาดอยู่มาก บางแห่งมีมากถึงประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้าที่จำหน่าย ดังนั้นแสดงว่าธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการตลาดหรือทำ Promotionเป็นอย่างมาก เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกคนก็จะรู้จักเรา รู้จักสินค้าของเรา รู้จักบริการ ของเรา มีการรับรู้เกี่ยวกับหน่วยงานของเราและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเราในระยะยาวอีกด้วย เกริ่นกันมาก็นานแล้ว ผู้ เขียนก็ขอเล่าเรื่อง PR เสียทีว่าแตกต่างจากเพื่อน ๆ สมาชิกตัวอื่นอย่างไร
ประการแรก การทำ PR ก็ต้องลงทุน เสียงบประมาณ ค่าใช้จ่ายเช่นกัน เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดเลี้ยง ค่าใช้จ่ายในการติดต่อเชิญสื่อมวลชน ค่าใช้จ่ายในการจัดทำ Multi Media เพื่อนำเสนอข้อมูลขององค์การหรือธุรกิจ แต่ก็เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ ไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ หรือการใช้พนักงานขาย ที่ต้องมีการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือนหรือค่าคอมมิชชั่น หรือการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ชิงโชค ก็ต้องลงทุนกับค่าใช้จ่ายในของรางวัลที่ให้กับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล เช่นกัน
ประการที่สอง การทำ PR เป็นการทำกิจกรรมที่เน้นถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับตัวสินค้า บริการ หรือธุรกิจ อาทิเช่น กิจกรรมการเปิดตัวสินค้าใหม่ สิ่งก่อสร้าง งานเทศกาล หรือมีการลงทุนสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือ กิจกรรมที่ธุรกิจสร้างขึ้นเพื่อตอบแทนชุมชนและสังคม
ประการที่สาม การทำ PR เป็นกิจกรรมที่เป็นการเชื้อเชิญสื่อมวลชนในแขนงต่าง ๆโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ฯลฯ มารับรู้ข่าวสารขององค์การหรือธุรกิจ และทำการเผยแพร่ข่าวสารหรือขยายผลต่อไปยังกลุ่มผู้ฟัง หรือผู้รับสาร โดยการบอกเล่า เขียนข่าว ตีพิมพ์เผยแพร่ ประกาศ เป็นต้น
ประการที่สี่ การทำ PR ไม่ส่งต่อยอดขายให้เพิ่มสูงขึ้นแบบฉับพลัน ทันทีทันใดหรือโดยตรง แต่สามารถส่งผลต่อยอดขายในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
ประการที่ห้า การทำ PR สร้างกระบวนการรับรู้ให้กับผู้รับสาร ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของสินค้า องค์การหรือธุรกิจ การรับรู้ดังกล่าวส่งผลต่อความต้องการและนำไปสู่กระบวนการตัดสินใจซื้อหรือที่เรียกว่า Demand to Purchase
อย่าลืมว่าหัวใจของ PR มีอยู่ว่า “ทำอย่างไรให้ลูกค้านึกถึงเรา และทำอย่างไรให้เราอยู่ในใจของลูกค้า ” และในฐานะ ผู้เขียนเอง ทำงานอยู่ในส่วนของฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ก็ขอเล่าสู่กันฟังในฐานะผู้ปฎิบัติและร่วมกิจกรรมงานก้าวสู่หนึ่งทศวรรตมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ และเปิดตัวอาคาร U Plaza เป็นอาคารก่อสร้างที่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ทุ่มงบประมาณ มากกว่า 100 ล้านบาท งานนี้จัดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนในแขนงต่าง ๆ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ให้ความสนใจใน กิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก ทั้งสื่อมวลชนส่วนกลางและสื่อมวลชนส่วนภูมิภาคมากกว่า 30 ท่าน รวมทั้ง แขกผู้ มีเกียรติอีกมากมาย กระแสตอบรับและความสำเร็จจากกิจกรรมครั้งนี้ ต่างปรากฎให้เห็นอยู่ในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ หลายฉบับ รายการทีวี SME ชี้ช่องรวยและสื่ออื่น ๆ มากมายเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดนี้ผู้เขียนขอฝากว่า อย่าลืมว่าทุกคนก็มีโอกาสคิดเหมือนเรา ทำได้เหมือนเรา ธุรกิจก็เช่นกัน มีสินค้า/บริการ (Product) ที่ขายเหมือน ๆ กันหรือใกล้เคียงกัน แถมราคาที่ขาย ก็ยังไม่ต่างกัน ( Price) สถานที่จำหน่าย/หรือขายสินค้าก็ เหมือน ๆ กัน (Place) ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจต่างกันและเป็นคำตอบที่ทำให้เราสามารถแข่งขัน โลดแล่น โดดเด่นอยู่ในตลาดได้ มี ภาพลักษณ์ที่ดีกว่าสินค้าอื่น ก็คงปฏิเสธไม่ได้กับการทำ PR และใช้กิจกรรมการส่งเสริมการตลาด (Promotion) ตัวอื่น ๆ ร่วมด้วย และภาพลักษณ์ที่ดี ไม่ได้สร้างขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน จำเป็นต้องสั่งสม History / Story อันยาวนาน และเป็นงานสำคัญยิ่งที่นักการ-ตลาด และทุกคนในองค์การจะต้องมีส่วนร่วม ชนิดที่ว่าร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อชื่อเสียง หรือ Brand Image ขององค์การธุรกิจและ สินค้าของเรา ให้ยืนหยัดอยู่ในใจของลูกค้า ผู้บริโภค และทุกฝ่ายที่แวดล้อมธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น