Welcome to Blog ห้องสมุดความรู้ หากท่านถูกใจ ฝากกดแชร์( Like) (G+) (Tweet) ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้จัด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ #4289

ความเครียด (Stress)


ความเครียด (Stress)

ความเครียด (Stress) เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่เกิดขึ้น เมื่อร่างกายถูกกระตุ้น และมีปฏิกิริยา ตอบโต้เป็น ปฏิกิริยา ทางสรีรวิทยา และจิตวิทยา โดยระบบต่อมไร้ท่อที่หลั่งฮอร์โมน และ ระบบประสาทอัตโนมัติ ทําให้เกิด การเปลี่ยนแปลง ไปทั่วร่างกาย เมื่อเกิด ความเครียดภายในจิตใจ มักส่งผลทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้อย่างชัดเจน เช่น
  • ทางกาย : ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หายใจไม่อิ่มหัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น มือเย็นเท้าเย็น เหงื่อออก ตามมือตามเท้า หายใจตื้นและเร็วขึ้น ใจสั่น ถอนหายใจบ่อยๆ กัดขากรรไกร ขมวดคิ้ว ตึงที่คอ ประสาทรับ ความรู้สึกหูไวตาไวขึ้น การใช้พลังงานของร่างกายเพิ่มขึ้น รู้สึกเพลีย ปวดศีรษะ ไมเกรน ท้องเสียหรือ ท้องผูก นอนไม่หลับ หรือง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหารหรือกินมากกว่าปกติ ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ประจําเดือนมาไม่ปกติ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผิวหนังเป็นผื่นคัน เป็นหวัดบ่อยๆ แพ้อากาศง่าย
  • ทางจิตใจ : หงุดหงิด สับสน คิดอะไรไม่ออก เบื่อหน่าย โมโหง่าย ซึมเศร้าสมองทํางานมากขึ้น ความคิดอ่านระยะสั้นดีขึ้น การตัดสินใจเร็ว ขึ้น ความจําดีขึ้น สมาธิดีขึ้น วิตกกังวล คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด โกรธง่าย ใจ น้อย เบื่อหน่าย ซึมเศร้า เหงา ว้าเหว่ สิ้นหวัง หมดความรู้สึกสนุกสนาน
  • ทางสังคม : บางครั้งทะเลาะวิวาทกับคนใกล้ชิด หรือไม่พูดจากับใคร จู้จี้ขี้บ่น ชวนทะเลาะ มีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นบ่อยๆ
คงมีหลายคน ที่อยากจะถามว่า เราจะต้องคลายเครียดกันทำไม ความเครียด คืออะไรกันแน่ เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผลอย่างไรบ้าง ต่อบุคคล 

เส้นประสาทสมอง (cranial nerve )





เส้นประสาทสมอง (cranial nerve )


เรียกกันทั่วไปว่า เส้นประสาทที่แยกออกจากสมอง ในปลาและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีจำนวน 
10 คู่ ส่วน พวกในสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีจำนวน 12 คู่ 
สำหรับคนเรามี 12 คู่ คือ คู่ที่ 1 – 12

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 เส้นประสาท ออลแฟกทอรี (olfactory nerve) รับความรู้สึกเกี่ยวกับ
กลิ่น เยื่อหุ้มจมูก เข้าสู่ทอรีบัลล์ แล้วเข้าสู่ออลแฟกทอรีโลบของสมอง
ส่วนซีรีบรัมอีกที่หนึ่ง

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 เส้นประสาทออพติก (optic nerve) รับความรู้สึกเกี่ยวกับการมองเห็น
จากเรตินาของลูกตาเข้าสู่ออพติกโลบ แล้วส่งไปยังออพซิพิทัลโลบ
ของซีรีบรัมอีกที่หนึ่ง

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 เส้นประสาทออคิวโลมอเตอร์ (oculomotor nerve ) เส้นประสาท
สั่งการจากสมองส่วนกลางไปยังกล้ามเนื้อลูกตา 4 มัด ทำให้ลูกตา
เคลื่อนไหวกลอกตาไปมาได้ และยังไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ทำให้ลืมตา
ทำให้ม่านตาหรี่หรือขยายและไปยังกล้ามเนื้อปรับเลนส์ตาอีกด้วย

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 4 เส้นประสาททอเคลีย (trochlea nerve ) เป็นเส้นประสาทสั่งการ
ไปยังกล้ามเนื้อลูกตา มองลงและมองไปทางหางตา

สมอง การทำงานของสมอง


สมอง
สมอง เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มีหน้าที่เกี่ยวกับ การจดจำการคิด และความรู้สึกต่างๆ สมอง ประกอบด้วยตัวเซลล์ประมาณ 10 พันล้านตัว ถึง 12 พันล้านตัว แต่ละตัวมีเส้นใยที่เรียกว่า แอกซอน (Axon) และเดนไดรต์ (Dendrite) สำหรับให้ กระแสไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) แล่นผ่านถึงกัน การที่เราจะคิด หรือจดจำสิ่งต่างๆนั้น เกิดจากการเชื่อมต่อของ กระแสไฟฟ้า ใน สมอง คนที่ฉลาดที่สุดก็คือ คนที่สามารถใช้ กำลังไฟฟ้า ได้เต็มที่โครงสร้างของสมอง ออกเป็น 3 ส่วน ตามวิวัฒนาการของสมอง

สมอง ส่วนแรก อาร์เบรน (R-brian) หรือ เรปทิเลียนเบรน (Reptilian brain) แปลว่ามาจาก สัตว์เลื้อยคลาน หรือ สมอง สัตว์ชั้นต่ำ ซึ่ง ดร.ไพรบรัม แนะนำว่า เราควรจะเรียก เรปทิเลียนเบรน หรือ สมอง ของ สัตว์เลื้อยคลาน ว่า คอร์เบรน (Core brain) หรือแกนหลัก ของ สมอง คือ สมอง ที่อยู่ที่ แกนสมอง หรือ ก้านสมอง นั่นเอง มีหน้าที่ ขั้นพื้นฐาน ที่ง่ายที่สุดเกี่ยวกับ การเต้นของหัวใจ การหายใจ ทําหน้าที่ เกี่ยวกับ ประสาทสัมผัส และสั่งงานให้ กล้ามเนื้อ มีการเคลื่อนไหว สมอง ส่วนนี้ยังรับ และเก็บข้อมูล เกี่ยวกับ การเรียนรู้ จาก สมอง หรือ ระบบประสาท ส่วนถัดไป และทําให้เกิดเป็น ระบบตอบโต้อัตโนมัติ ขึ้นทําให้เรามี ปฏิกิริยาอย่างง่ายๆ ปราศจาก อารมณ์ ปราศจาก เหตุผล เช่น สัญชาตญาณ การมีชีวิตอยู่เพื่อ ความอยู่รอด ความต้องการอาหาร ที่พักอาศัย

การคิดและกระบวนการคิด

การคิดและกระบวนการคิด

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
“การคิดนั้นอาจคิดได้หลายอย่างจะคิดให้วัฒนะคือคิดแล้วทำให้เจริญงอกงามก็ได้จะคิดให้หายนะคือคิดแล้วทำให้พินาศฉิบหายก็ได้การคิดให้เจริญจึงต้องมีหลักอาศัยหมายความว่าเมื่อคิดเรื่องใดสิ่งใดต้องตั้งใจให้มั่นคงในความเป็นกลางไม่ปล่อยให้อคติอย่างหนึ่งอย่างใดครอบงำให้มีแต่ความจริงใจตรงตามเหตุตามผลที่ถูกแท้และเป็นธรรม”
ความเจริญในด้านต่าง ๆ เช่น การเกษตร อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ล้วนเกิดจากความคิด ของมนุษย์ที่ต้องการแก้ปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อความต้องการที่ จะมีชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการพัฒนาทางด้านความคิดได้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เราจึงควรทราบเกี่ยวกับการคิดและกระบวนการคิด และหาวิธีการต่างๆ เพื่อฝึกตนเองให้เป็นคน ที่คิดเป็นระบบ คิดถูกต้อง เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
 

เลซิติน (Lecithin)



เลซิติน (Lecithin)



เลซิติน (Lecithin)  เลซิตินเป็นสารธรรมชาติที่ประกอบด้วยฟอสฟอรัสกับไขมันบางชนิด และวิตามินในกลุ่มวิตามินบี ไม่สำคัญว่าเลซิตินประกอบด้วยสารใดบ้างแต่สิ่งสำคัญคือเลซิตินเป็นหน่วยพื้นฐานในทุกๆเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ที่สำคัญไปกว่านี้ก็คือเลซิตินนั้นช่วยจับไขมันและคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ด้วยคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ของเลซิติน คือ การที่เลซิตินสามารถละลายในได้ทั้งน้ำและไขมัน เลซิตินจึงละลายอยู่ในกระแสเลือดแล้วคอยจับเอาไขมัน หรือคอเลสเตอรอลที่ล่องลอยอิสระในกระแสเลือดและไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดไว้ ด้วยวิธีนี้ของเลซิตินจึงทำความสะอาดระบบหมุนเวียนโลหิตได้ ส่วนประกอบที่พบมากที่สุดในเลซิตินคือ สารฟอสฟาติดิลโคลีน (phosphatidylcholine)  ซึ่งเป็นแหล่งอาหารอันอุดมไปด้วยสารโคลีน โคลีนจัดเป็นสารประกอบในกลุ่มของวิตามินบี ที่มีความสำคัญคือเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารสื่อประสาทในสมองของเราสารดังกล่าวคือ อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine)


แหล่งอาหาร


เลซิตินสามารถพบได้ในอาหารหลากชนิดจากผลิตภัณฑ์ทั้งพืชและสัตว์ เช่น ซอสถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย เรพสีด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อสัตว์ ปลา บริวเวอร์ยีสต์ รวมทั้งไข่แดง นม สมอง ตับ ไตและกล้ามเนื้อ  เลซิตินยังพบขายอยู่ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกด้วย เลซิตินที่ทำจากถั่วเหลืองนั้นนับเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกด้วย เลซิตินที่ทำจากถั่วเหลืองนั้นนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่พบได้ทั่วไปในท้องตลาดมากที่สุด


ส่วนประกอบ


ฟอสฟาติดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) เป็นสารสำคัญที่พบในเลซิติน ซึ่งสารนี้จะให้วิตามินบีชนิดหนึ่ง เรียกว่า โคลีน สารโคลีนเป็นสารต้นตอในการสังเคราะห์สารสื่อรประสาท อะเซททิลโคลีน (Acetylcholine) ส่วนประกอบอื่น ๆ ของเลซิติน ได้แก่ ฟอสฟาติดิลอิโนซิทอล ฟอสฟาติดิลเอททาโนลามีน กรดไลโนเลอิก ฯลฯ


อาการเมื่อขาด


เมื่อกล่าวถึงเลซิตินนั่นหมายถึงสารฟอสฟาติดิลโคลีนซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเลซิติน แม้จะยังไม่เคยมีรายงานถึงการขาดเลซิติน แต่งานศึกษาบางชิ้นพบว่า ถ้าร่างกายมีระดับของโคลีนที่ต่ำจะก่อให้เกิดความดันโลหิตสูงชนิดถาวรและมีปัญหาเกี่ยวกับไตด้วย

ประโยชน์


          1. ช่วยป้องกันและสลายโคเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด
          2. Phosphaticylcholine ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น
          3. ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
          4. ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)
          5. ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
          6. การใช้เพื่อป้องกัน และรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer's disease) ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา

ขนาดที่ควรรับประทาน


ขนาดรับประทานที่แนะนำเพื่อบำรุงสมองคือ 1,200 -2,400 มิลลิกรัม ถ้ารับประทานเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอสในกระแสเลือดต้องได้รับวันละ 2,400 -3,600 มิลลิกรัม และตามรายงานนั้นจะต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็นวันละ 10 กรัมทีเดียวเพื่อเพิ่มปริมาณของเลซิตินในน้ำดีและรักษาอาการนิ่ว


ผลข้างเคียง


จากประสบการณ์ของหลายๆท่านที่รับประทานเลซิตินปริมาณหลายกรัมต่อวันพบว่า มีปัญหาบ้างเกี่ยวกับความอึดอัดในช่องท้อง หรือคลื่นไส้ และปัญหาที่พบในกรณีบริโภคโคลีนมากจนเกินไปคือ การมีกลิ่นตัวคล้ายกลิ่นคาวปลาได้

"แนะนำ 10วิธีคลายเครียดที่น่ารู้"

"แนะนำ 10วิธีคลายเครียดที่น่ารู้"
เราได้ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์มาหลายสัปดาห์แล้วนะคะ พักเรื่องอาหารกันสักนิด วันนี้มีวิธีที่จะคลายความเครียดมาแนะนำเพื่อให้เรามีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ดีไหมคะ

1. ออกกำลังกาย -- ใครๆก็พูดได้ว่าออกกำลังกายซิ แต่น้อยคนนักที่จะทำให้เป็นกิจวัตร ได้ เนื่องจากไม่มีเวลา ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง ตื่นเช้าไม่ไหว อุปกรณ์แพง ฯลฯ ความจริงแล้วคุณควรจะหาเวลาของแต่ละวันอย่างน้อย 30 นาที ในการออกกำลังกาย โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ถ้าคุณไม่ต้องการสิ้นเปลืองกับค่าอุปกรณ์ คุณก็น่าจะเลือกการวิ่งหรือเดิน หากเป็นสูงอายุหรือเป็นผู้ที่ไม่ต้องการการกระแทก ว่ายน้ำ,โยคะ, ไทชิ ,หรือ พาลาทีส์ ก็อินเทรนน์ ไม่เลวนะคะ หากอยากมีแรงจูงใจในการออกกำลังกาย ขอแนะนำกีฬาที่เล่นเป็นหมู่คณะอันได้แก่ แบตมินตัน กอลฟ์ ฟุตบอล หรือ เทนนิสที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้
กีฬาจะทำให้เราได้ระบายออกซึ่งแรงขับของจิตใจในด้านต่างๆ เช่น ความคับข้องใจ ความโกรธ ความเสียใจ ไม่พอใจ แถมยังได้สารสื่อความสุขหรือสารเอนโดฟินกลับมาด้วยแล้วคุณก็จะรู้สึกสดชื่นและหลับสบายอีกด้วยค่ะ

2. พูดระบายความเครียด -- พูดค่ะ ระบายความเครียดออกมาเลย แต่ต้องเลือกบุคคลที่คุณคิดว่า ปลอดภัย หวังดี ไม่มีพิษภัยกับตัวคุณ และควรมีความอดทนสูงในการฟัง หรือถ้าหาไม่ได้ก็นี่เลยค่ะ สัตว์เลี้ยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น หมา แมว ปลาทอง จิ้งจก แมลงต่างๆก็ได้ ระบายให้มันฟัง (แต่อย่าลืมปิดประตูลงกลอนด้วย มิเช่นนั้น คนอื่นมาพบเข้าจะหาว่าคุณบ้าพูดคนเดียว) เพราะเวลาที่เราได้ระบายออก เท่ากับเราได้ทบทวนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานต่างๆ ให้บริการด้วยค่ะ

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ -- การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่ แต่ควรเตรียมความพร้อมในการนอนหน่อยนะค่ะ โดยเลือกสถานที่และเครื่องนอนสะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิพอเหมาะ มีเสียงหรือแสงที่รบกวนคุณไม่มากนัก โดยกำหนดจิตใจก่อนนอนว่า ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน แล้วหลับโลดค่ะ ี

4. อาหารคลายเครียด -- กลับมาเรื่องอาหารกันซักนิด อย่างที่เคยบอกไปแล้วนะคะว่าอาหารสามารถลดความเครียดของคุณได้ด้วย วันนี้จะมาย้ำอีกครั้งนะคะ อาหารที่ช่วยคลายเครียดให้คุณได้อย่างดี ได้แก่
1.- ทริปโตฟาน (1-2 กรัม ก่อนนอน) พบได้ใน ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์
2.- วิตามินบี 6 (40 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก
3.- วิตามินบี 3 (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบใน ตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์
3.- สารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม กระเทียม ดอกไม้จีน

5. พักผ่อนท่องเที่ยว -- ข้อนี้ขอ Confirm ว่าจริงค่ะ เพราะคนเราก็เหมือนเครื่องยนต์ ต้องการช่วงพักไปทำการ reboot ใหม่ การที่ได้ไปท่องเที่ยวเห็นบรรยากาศทิวทัศน์สวยงามแปลกหูแปลกตา ไปเจอผู้คน ก็ช่วยกระตุ้นมุมมองชีวิตใหม่ๆ ฝรั่งเขาถึงมีช่วงพักร้อนยาว และให้ความสำคัญอย่างมาก วางแผนล่วงหน้ายาวทีเดียว เมื่อถึงเวลาก็ไปพักผ่อนทันที เมื่อกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว คุณก็จะกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ


6. ดนตรีคลายเครียด -- หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยดนตรีหรือดนตรีบำบัดมาแล้วนะคะ ทั้งนี้ก็เพราะดนตรีช่วยทำให้คุณอารมณ์เยือกเย็นลง ผ่อนคลาย ใจสงบ ดนตรีบำบัดมีทั้งเพลงบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีชนิดเดียวหรือหลายชนิด เพลงที่มีเสียงคลื่นทะเล เสียงนก เสียงน้ำไหล ฯลฯ หากคุณได้ปิดไฟ จุดเทียน และฟังเพลงเบาๆ หลังจากนั้นก็หลับไปแล้วละก็ ตื่นขึ้นมาน่าจะสดใสหายเครียดได้เยอะเลยล่ะค่ะ

7. กลิ่นบำบัดอโรมาเทอราปี -- วิธีต้องแนะนำไว้ด้วย เดี๋ยวout ค่ะ กลิ่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งของการรับรู้ทางสัมผัสที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดี คุณอาจลองจุดธูปหอมกลิ่นที่สดชื่น หรือหยดน้ำมันหอมระเหย ในขณะนอนหรือทำงานเพื่อผ่อนคลายไปด้วย หรือจะแช่น้ำอุ่นๆ ก็ไม่เลวคะ กลิ่นที่เหมาะสมแล้วแต่ชอบและรู้สึกผ่อนคลาย โดยเลือกจากการดมว่ากลิ่นไหนทำให้รู้สึกดี ให้พลัง หรือช่วยผ่อนคลาย กลิ่นที่น่าสนใจ เช่น กลิ่นไม้จันทน์หอม กลิ่นกำยาน สำหรับผ่อนคลาย กลิ่นการบูน กลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว สำหรับสร้างความสดชื่น

8. ฝึกหายใจคลายเครียด -- การหายใจช่วยนำอากาศบริสุทธิ์ เข้าสู่ปอด แล้วเดินทางสู่สมองไปตลอดทั่วร่างกาย ลองหายใจโดยการหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สังเกตว่ากระบังลมขยายออก ท้องป่องออก จากนั้นค่อยๆ หายใจออกช้าๆ ไล่ลมให้ออกมากที่สุด ตอนนี้กระบังลมคุณจะหดสั้นลง ท้องจะแฟบ ถ้าช่วงแรกไม่ถนัดก็เอามือแตะท้องเพื่อปรับและเข้าใจสภาพป่องแฟบของท้องจากการหายใจก่อนแล้วฝึกไปเรื่อยๆ
9. ฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ -- โดยนำเอาหลักการฝึกหายใจมาประยุกต์ใช้ร่วมด้วย เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมาโดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า คุณสามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน

10.คลายเครียดด้วยการนวด -- ปัจจุบันมีคนสนใจการนวดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น นวดแผนไทย นวดเท้า นวดน้ำมัน นวดรักษาโรคเฉพาะที่ ทำให้มีสถาน บริการเกี่ยวกับการนวดหรือ Spa เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด การนวดเป็นการผ่อนคายกล้ามเนื้อและทำให้เลือดลมสูบฉีด ทำให้ผู้ที่ถูกนวดรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากยิ่งขึ้น การนวดน้ำมันยังทำให้มีผิวพรรณที่ดีอีกด้วย

ทางออกของความเครียดยังมีอีกมากมายค่ะ แต่10วิธีที่แนะนำนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ปลอดภัยด้วยวิธีธรรมชาติค่ะ ความเครียดเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ มีสติ หากรู้ว่าตัวเองเริ่มเครียดแล้วก็ต้องหยุดแล้วลองใช้10วิธีที่แนะนำมาใช้นะคะ

จัดระเบียบชีวิตตัวเองเริ่มต้นได้ง่าย ๆ


ชีวิตที่มีระบบระเบียบนั้นส่งเสริมให้คนเรามีโอกาสก้าวหน้าได้เช่นกัน เนื่องจากคนที่รู้จักบริหารจัดการชีวิตตัวเองได้นั้น จะรู้ว่าควรทำอะไร ทำเมื่อไร และทำอย่างไร ชีวิตของเราก็จะดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีความก้าวหน้าไปทีละขั้น ๆ ตรงข้ามกับชีวิตที่ยุ่งเหยิง ไม่มีการจัดระเบียบตัวเอง ทำอะไรก็ติดขัดมีอุปสรรคเสมอ ในการทำงานนั้นคนทำงานสามารถจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้โดยเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ ๆ ตัวก่อน เพื่อเสริมสร้างนิสัยที่ดีให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ดังนี้
จัดเก็บโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้รกรุงรัง คนทำงานบางคนไม่เคยจัดโต๊ะทำงานเลย เวลานั่งทำงานก็อาศัยแหวกหาที่ว่างที่พอจะทำงานได้เท่านั้น แถมถ้าใครมาจัดให้เป็นต้องหาข้าวของไม่เจอ เพราะมันเรียบร้อยเกินไป ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ผิดที่ผิดทาง เมื่อโต๊ะทำงานของขาดระเบียบ ชีวิตของคุณก็จะขาดระเบียบ ไม่มีระบบ
  1. ลองหันมาจัดโต๊ะทำงานให้สะอาดสะอ้านน่ามอง อะไรที่ไม่จำเป็นก็โละทิ้ง ขาย หรือบริจาคไปเสียบ้าง จัดข้าวของให้เป็นหมวดหมู่ง่ายต่อการค้นหา ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นเยอะ เมื่อมีที่ว่างบนโต๊ะทำงาน คุณก็จะมีที่ว่างสำหรับใช้จินตนาการด้วย และนั่นจะทำให้งานคุณออกมามีคุณภาพดีกว่าที่คิดอีกด้วย เชื่อไหมล่ะ 
  2. เก็บของที่ต้องใช้ตามเทศกาล ตามฤดูกาล หรือตามโอกาสต่าง ๆ ใส่กล่องแยกไว้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นอุปกรณ์สำหรับงานปีใหม่ หรืองานเลี้ยงบริษัท ที่ใช้ปีนี้แล้วก็สามารถเก็บไว้ใช้ปีหน้าได้อีก  แฟ้มเอกสาร ไฟล์เอกสารเก็บไว้ให้สามารถค้นหาได้ง่ายเมื่อต้องการใช้งานอีกครั้ง รวมถึงควรตั้งชื่อให้จดจำง่าย ๆ ด้วย เพราะคนเรามักจะคุ้น ๆ ว่าเคยทำไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน ตั้งชื่อว่าอะไรก็จำไม่ได้อีก อย่างนี้ทำให้ต้องเสียเวลาค้นหานานโดยไม่จำเป็น
  3. เอกสารสำคัญจัดเก็บไว้ในลิ้นชักและล็อกคกุญแจให้เรียบร้อย ขึ้นชื่อว่าเอกสารสำคัญแล้วล่ะก็ ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรวางระเกะระกะ ที่ใครต่อใครก็เปิดอ่านได้ หรืออาจหายได้ หากคุณมีเอกสารส่วนตัว หรือต้องรับผิดชอบในการ เก็บเอกสารสัญญา เอกสารทางการเงินต่าง ๆ ของบริษัท ควรเก็บให้มิดชิดในที่ที่คุณเท่านั้นสามารถเข้าถึงได้
  4. สร้างปฏิทินเตือนความจำถึงสิ่งที่คุณจะต้องทำ ซึ่งอาจจดไว้บนปฏิทินตั้งโต๊ะที่โต๊ะทำงาน หรือในคอมพิวเตอร์ หรือในโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่คุณจะไม่พลาดการนัดหมายต่าง ๆ เช่น กำหนดส่งงาน นัดประชุม นัดหาหมอ วันสำคัญ วันครบกำหนดจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต และอื่น ๆ
  5. จัดเวลาสำหรับวันพักผ่อนของตัวเองด้วย เมื่อทำงานเต็มที่ทั้งสัปดาห์แล้ว คุณก็ควรวางแผนให้รางวัลตัวเองในวันหยุดด้วยงานอดิเรกที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง จัดสวน นัดเจอเพื่อนเก่า หาร้านอาหารอร่อย ๆ รับประทานนอกบ้านกับครอบครัว ผ่อนคลายให้เต็มที่จะได้มีพลังกลับมาทำงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง
หวังว่าพื้นฐานในการเริ่มต้นจัดระเบียบชีวิตตัวเองที่แนะนำมานี้จะเป็นแรงจูงใจให้คนทำงานเริ่มต้นปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
http://th.jobsdb.com

เทคนิคทำงานดี...ไม่มีงานค้าง


  • จัดลำดับความสำคัญของงาน
    เคยสงสัยไหมว่า ทำไมทำงานไม่เคยทัน ทั้ง ๆ ที่คุณก็เป็นคนทำงานเก่ง นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แม้ว่าจะทำงานได้ดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่จัดสรรเวลาให้ดี คุณอาจต้องเผชิญกับงานค้างระหว่างวันหยุดยาวอย่างแน่นอน ดังนั้นควรจัดลำดับความสำคัญของงานทุกครั้งที่มีงานใหม่เข้ามา ให้ความสำคัญกับงานที่เร่งด่วนก่อน แล้วค่อย ๆ ทำงานไปทีละอย่าง รับรองว่าปัญหางานค้างจะไม่มีอย่างแน่นอน
  • สะสางทันที ไม่มีงานค้าง
    นิสัยผัดวันประกันพรุ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้คุณต้องประสบกับปัญหางานค้าง ดังนั้น เมื่อมีงานเข้ามาใหม่ และมีเวลาในการทำงาน คุณควรรีบสะสางงานนั้น ให้เสร็จก่อนทันที อย่าคิดว่าเดี๋ยวก็ทำเสร็จ เพราะคุณไม่รู้ว่าในระหว่างนั้นอาจมีงานอื่นแทรกเข้ามา ทำให้คุณไม่มีเวลาสะสางงานชิ้นแรกก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมีเวลา คุ็ณควรทำให้เสร็จทันที อย่าปล่อยให้คั่งค้าง จนหาเวลาสะสางไม่ได้
  • อย่านำงานกลับไปทำที่บ้าน
    การเอางานกลับไปทำที่บ้าน ไม่เพียงแต่จะทำให้เสียเวลาในการพักผ่อน แต่ยังทำให้คุณติดนิสัยเอางานมาทำนอกเวลาจนกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของคุณขาดประสิทธิภาพ และยิ่งทำให้มีงานค้างมากขึ้น หากคุณยังทำงานที่เอากลับไปไม่เสร็จ
  • อย่าทำงานคนเดียว
    คนเก่งหลายคนมักจะหวงงาน และคิดว่าคนอื่นทำได้ไม่ดีพอ บางคนไม่ยอมแม้จะมอบหมายงานของตัวเองให้ลูกน้องช่วยทำ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณจะต้องทำงานคนเดียว และไม่สามารถทำงานนั้นเสร็จ หากคุณอยากทำงานให้ลุล่วงทันเวลาและไม่มีงานค้าง คุณอาจจะต้องแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้าง ดีกว่าต้องแบกภาระไว้คนเดียว แล้วงานไม่เสร็จ

ผู้นำ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้


วันนี้จะคุยกันเรื่องภาวะผู้นำกันอีกสักวันนะครับ เนื่องจากได้มีโอกาสไปคุยกับผู้ใหญ่ขององค์กรต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ก็เห็นสไตล์ของการเป็นผู้นำที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคน บางคนก็สุดโต่งมากมาย บางคนก็ยอมไปทุกเรื่อง เรียกได้ว่า มากไปก็ไม่ดี ลูกน้องก็หาว่าโหด น้อยไปก็คุมคนอื่นไม่ได้อีก ถูกหาว่าอ่อนแอ ก็เลยมานั่งสรุปว่ามีประเด็นใดบ้างที่ผู้นำจะต้องระมัดระวัง และสร้างพฤติกรรมที่พอดีๆ ไม่มากไป หรือน้อยไป
  • ผู้นำจะต้องเข้มแข็ง แต่ถ้ามากเกินไปก็จะกลายเป็นก้าวร้าวได้เลยนะครับ ผู้นำในองค์กรบางคนคิดว่าการที่ตนเป็นผู้นำจะต้องแสดงออกถึงความเข้มแข็งของตนเองให้ลูกน้องเห็น ก็เลยมักจะใช้วาจาหยาบคาย เสียงดัง พูดคุยกันทีไร ก็เป็นการขึ้นเสียง และเอะอะโวยวายมากกว่า แต่เขากลับคิดว่านี่แหละคือความเข็มแข็งของผู้นำ ซึ่งจุดนี้มันก็เลยความเข้มแข็งไปแล้ว ความเข้มแข็งในที่นี้ก็คือ มีจุดยืนของตนเอง ไม่เอียงไปเอียงมาแบบคนที่ไม่มีหลักการ ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นผู้นำที่ดีจะต้องเข้มแข็งแต่ไม่ก้าวร้าว
  • ผู้นำจะต้องมีจิตใจที่ดี ประเด็นนี้ก็เช่นกันครับ ถ้ามากเกินไปก็มีปัญหาตามมาได้ครับ เช่น ผู้นำบางคนถูกสอนว่าการเป็นผู้นำที่ดีนั้นจะต้องมีจิตใจที่ดี พอดีมากๆ เข้า ก็เข้าข่ายอ่อนแอกันเลยเหมือนกัน จนพนักงานต่างก็นินทาผู้นำว่า เป็นคนที่ยอมไปหมด ใครจะว่าอะไร ใครจะขออะไร ก็ให้หมด โดยไม่มีจุดยืนของตนเองเลย ดังนั้นผู้นำที่ดีจะต้องใจดี แต่ไม่ถึงกับอ่อนแอครับ
  • ผู้นำที่ดีต้องกล้าตัดสินใจ กล้าได้กล้าเสีย และกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ตนจะต้องตัดสินใจ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง หรือไม่กล้าเสี่ยง แต่ก็อีกเช่นกันที่บางคนก็กล้ามากไปหน่อย จนกลายเป็นคนที่มุทะลุก็มี แทนที่จะพิจารณาให้รอบคอบก่อนค่อยตัดสินใจ กลับลุยแหลก คิดเร็วทำเร็วด้วยความไม่รอบคอบ กล้ามากไปหน่อยก็เลยทำให้คนอื่นมองว่าเป็นผู้นำที่มุทะลุไม่รอบคอบซะงั้น
  • ผู้นำที่ดีต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ ต้องมีการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้ามากเกินไป ก็จะกลายเป็นถูกมองว่า คิดช้า ทำช้า หนักเข้าหน่อย ก็จะถูกมองว่า ไม่เคยคิดอะไรเลย ดังนั้นการรอบคอบมากเกินไป ก็อาจจะทำให้คนอื่นมองว่าเราเป็นพวกไม่คิดอีกก็เป็นได้ครับ
  • ผู้นำที่ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเข้าใจผู้อื่น และไม่อวดเบ่ง คิดว่าตนเองเก่งแล้ว หรืออยู่เหนือกว่าคนอื่นแล้วก็เลยทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าอ่อนน้อมถ่อมตนจนมากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหาได้อีกเช่นกัน คนอื่นก็จะมองว่า ไม่มีความเข้มแข็งไปได้อีกเหมือนกัน แต่ถ้าไม่อ่อนน้อมเลย คนอื่นก็มองอีกว่า ผู้นำคนนี้เป็นพวกอวดดี เย่อหยิ่งทะนงตน ก็ทำให้คนอื่นไม่ชอบอีกเช่นกัน
  • ผู้นำที่ดีต้องมีอารมณ์ขัน แต่ถ้ามีมากเกินไป ก็จะถูกมองว่า ไร้สาระอีก หรือถ้าเอาทุกอย่างมาทำตลกไปหมด ผู้นำคนนั้นก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นได้ อาจจะทำให้ลูกน้องขาดความเชื่อถือไปโดยปริยาย แต่ถ้าไม่มีอารมณ์ขันเลย ลูกน้องก็จะมองว่าเครียดเกินไปหรือเปล่า
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ ยากมั้ยครับในการที่จะเป็นผู้นำที่ดีสักคน มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้ ก็คงต้องหาจุดกลางๆ ที่เหมาะสม ซึ่งความเหมาะสมนี้ก็คงกำหนดยากนะครับ อยู่ที่แต่ละคน และอยู่ที่สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน
คนที่สามารถบอกเราได้ว่า เรามากไป หรือน้อยไป ก็คือ พนักงานในองค์กรครับ ดังนั้นผู้นำที่ดีควรจะใช้พนักงานในองค์กรเป็นกระจกส่องตัวเองว่า เราเป็นอย่างไรในสายตาของพนักงาน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้ครับ มีผู้นำในโลกนี้หลายคนนะครับ ที่ให้พนักงานในองค์กรประเมินภาวะผู้นำของเขาว่ายังขาดอะไร มีจุดบกพร่องในเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มต้นพัฒนาตนเองเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องนั้นครับ
เนื่องจากผู้นำกลุ่มนี้เชื่อว่า ถ้าเขาเป็นผู้นำที่ดี และสามารถซื้อใจพนักงานได้ ก็จะทำให้พนักงานทุ่มเทและสร้างผลงานให้กับองค์กรที่เขาเป็นผู้นำอยู่ ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้นำไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับพนักงานได้เลย ผลก็คือ ผลงานจะไม่ออก เพราะพนักงานเองก็ขาดความทุ่มเท ขาดพลัง และขาดแรงจูงใจที่จะทำงานให้กับผู้นำที่ตนเองไม่เชื่อถือนั่นเองครับ

การจัดวางโต๊ะทำงาน



ในวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยในสำนักงาน การจัดวางโต๊ะทำงานของพนักงานและการตกแต่งภายในสำนักงานล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประกอบการและประสิทธิ์ภาพในการทำงานของบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ สำหรับสถานที่ที่ส่งผลต่อการดำเนินกิจการมากที่สุดก็คือ พื้นที่ที่จัดเป็นห้องของผู้บริหารเพราะในทางฮวงจุ้ยผู้บริหารเปรียบกับกัปตันเรือที่จะนำพาบริษัทหรือองค์กรให้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว การเลือกตำแหน่งโต๊ะทำงานของผู้บริหารจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยการเลือกห้องทำงานของผู้บริหารในตำแหน่งมงคล และตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าไปสู่ทิศมงคลประจำตัวแต่ทั้งนี้การจัดวางโต๊ะทำงานต้องไม่ขัดแย้งกับสภาพของห้องทำงาน


สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะทำงานในระดับปฏิบัติการก็มีผลสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะบุคคลเหล่านี้เปรียบได้กับกลไกที่ทำให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่นหรือเกิดการติดขัดและในเรื่องของการจัดวางตำแหน่งของโต๊ะทำงานของพนักงานภยในสำนักงานมีข้อแนะนำให้นำไปปฏิบัติดังนี้



1. การจัดโต๊ะทำงาน ต้องไม่ตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหากำแพง หรือหันหลังให้กับประตูทางเข้าออก ทั้งนี้ เพราะตามหลักวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า การนั่งทำงานโดยหันหน้าเข้าหากำแพงจะทำให้ขาดวิสัยทัศน์และส่งผลให้งานที่ทำพบกับปัญหาและอุปสรรคอยู่ตลอดเวลา ส่วนการนั่งทำงานโดยหันหลังให้กับประตูทางเข้าออกนั้นวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนเอาไว้ว่าจะทำให้ขาดโอกาสที่ดี และที่สำคัญคือ จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการทำงานได้อย่างเต็มที่


2. การจัดโต๊ะทำงานที่ดีหากเป็นไปได้ควรจัดวางโต๊ะทำงานให้สามารถเดินเข้า ออกได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของโต๊ะเป็นสัญลักษณ์ของการที่ผู้ทำงานทางออกในแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลังของโต๊ะทำงานควรเป็นผนึงทึบตัน หรืออย่างน้อยที่สุดเป็นโต๊ะทำงานของบุคคลอื่น และที่สำคัญด้านหลังของโต๊ะทำงานไม่ควรเป็นทางเดิน เพราะจะทำให้ผู้ทำงานขาอสมาธิในการทำงาน และในทางฮวงจุ้ยตักเตือนว่าโต๊ะทำงานที่ด้านหลังเป็นทางเดินบุคคลที่นั่งทำงานบนโต๊ะนั้น จะขาดไร้ผู้ช่วยเหลือและปกป้องคุ้มครองอย่างจริงใจ


3. ตำแหน่งที่ตั้งของโต๊ะทำงานไม่ตั้งตรงกับแนวประตู ทั้งนี้ ไม่ว่าแนวประตูนั้นจะตั้งอยู่ทางด้านหน้า ด้านหลัง หรือ ทางด้านข้าง ของโต๊ะทำงาน เพราะส่งผลเสียทำให้ผู้ที่ใช้โต๊ะนั้นเป็นที่นั่งทำงานไม่สามารถรับโอกาสที่ดีหรือเรื่องที่ดีที่เข้ามาในขณะทำงานเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การตั้งโต๊ะทำงานตรงกับแนวประตูจะทำให้พลังภายในร่างกายของผู้ที่ใช้โต๊ะนั้นเกิดการรั่วไหลและไม่มีสมาธิในการทำงานและมักเกิดความผิดพลาดในการทำงานได้ง่าย สำหรับแนวทางในการแก้ไข ทางที่ดีที่สุดคือย้ายโต๊ะ ให้พ้นจากแนวประตูทางเข้า ออกนั้น แต่ถ้าไม่สามารถทำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ให้ผู้ที่นั่งทำงานบนโต๊ะนั้นจัดหาลูกแก้วคริสตัล หรือลูกแก้วเจียรนัย มาตั้งวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อกระจายพลังอัปมงคลของแนวประตูที่พุ่งเข้าใส่


แต่ทั้งนี้ไม่รวมโต๊ะทำงานของพนักงานประชาสัมพันธ์ เพราะตำแหน่งของพนักงานประชาสัมพันธ์มีหน้าที่โดยตรงที่จะรับเรื่องของผู้ที่มาติดต่องานและโต๊ทำงานของพนักงานประชาสัมพันธ์ส่วนมากก็ถูกอกแบบให้เคาเตอร์ที่สูงกว่าโต๊ะทำงานปกติอยู่แล้ว


4. ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะทำงานของหัวหน้างาน หัวหน้าแผนก ควรจัดวางเอาไว้ทางด้านหลังของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งนี้เพราะเป็นตำแหน่งที่หัวหน้างานสามารถเห็นการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ และข้อควรระวังคือไม่ควรตั้งโต๊ะของหัวหน้าแผนกตรงกับทางเดินเพราะจะทำให้ผู้ที่ทำงานบนโต๊ะนี้ได้รับผลเสียเหมือนกับการตั้งโต๊ะตรงกับแนวประตู





5. การจัดวางโต๊ะทำงานที่ถูกต้อง หากเป็นไปได้ควรจัดโต๊ะทำงานหันหน้าไปสู่ทิศที่เป็นมงคลของตนเอง แต่ถ้าทำได้ยาก ก็ให้หันหน้าโต๊ะทำงานไปทางประตูทางเข้าออกและที่ดีที่สุดควรจัดวางตำแหน่งของโต๊ะทำงานตามตำแหน่งหน้าที่และสายการบังคับบัญชา


6. ห้องทำงาน หรือ โต๊ะทำงาน จะต้องไม่ตั้งอยู่ใต้หรือเหนือห้องน้ำ – ห้องส้วม ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่า พลังอัปมงคลของห้องน้ำ – ห้องส้วม จะกดทับพลังแห่งความโชคดีของห้องทำงานและโต๊ะทำงานให้หมดไป และด้านหลังของโต๊ะทำงานหรือห้องทำงานไม่ควรเป็นห้องน้ำ ห้องส้วม และ เหนือโต๊ะทำงาน ต้องไม่มีสิ่งของที่เป็นวัตถุขนาดใหญ่ หรือมีน้ำหนักมากตั้งอยู่ เช่น แอร์ หรือตู้เก็บเอกสารแบบแขวนผนัง ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่า พลังจะกดทับของวัตถุขนาดใหญ่จะทำให้คนที่ทำงานในตำแหน่งนี้เก็บกด ถูกบีบคัด ไม่สบายใจ


7. ในทุกครั้งที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทำงาน หากมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในกล่อง หรือช่องแคบ ความรู้สึกเช่นนี้ ย่อมถือเป็นนัยที่แสดงให้รู้ถึงสภาพของพลังที่ถูกบีบบังคับ กดดันและตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าสามารถส่งผลกระทบไปถึงสภาพและผลสำเร็จของงานที่ทำอยู่ ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขสภาพของโต๊ะทำงานให้ถูกต้อง ในทางตรงกันข้าม โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างขวางใหญ่โตโดยไม่มีห้องรองรับ หากมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในสนามที่กว้างใหญ่มีลดพัดแพง ความรู้สึกเช่นนี้ ย่อมถือเป็นนัยที่แสดงให้รู้ถึงสภาพของพลังที่ถูกแพร่กระจาย รวมปราณไม่ได้ และตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าสามารถส่งผลกระทบไปถึงสภาพและผลสำเร็จของงานที่ทำอยู่ ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขสภาพของโต๊ะทำงานให้ถูกต้อง เช่นกัน


8. โต๊ะทำงานที่ดี จะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ข้อสำคัญคือ ด้านบนของโต๊ะควรเป็นพื้นเรียบและทึบตัน ไม่ควรเป็นพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปโต๊ะทำงานได้ ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยตักเตือนว่าจะบั่นทอนพลังในการทำงานและไม่มีสมาธิในการทำงาน


9. เก้าอี้ทำงานที่ดี ต้องมีความสมดุลกับผู้นั่ง เพราะจะช่วยให้นั่งทำงานมีความสะดวกในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับพื้นที่ด้านหลังด้วย กล่าวคือ เวลาผู้นั่งขยับเก้าอี้เพื่อเคลื่อนตัวเข้า – ออก ต้องกระทำได้อย่างสะดวก และลักษณะเช่นนี้เองที่ หลักฮวงจุ้ยรับรองว่าสามารถช่วยให้ผู้นั่งได้รับพลังอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การทำงานราบรื่นหรือมีทางออกตลอดแวลาแล้ว ยังจะช่วยให้ภาวะการเงิน คล่องตัว อีกด้วย


10. ด้านหลังของโต๊ะทำงาน ซึ่งนอกจาก ไม่สมควรมีน้ำและกระจกแล้ว(ไม่ว่าจะเป็นกระจกเงาหรือกระจกใส)และพื้นที่ดังกล่าวควรเป็นผนังกำแพงที่ทึบตันแล้ว ยังควรที่จะตกแต่งโดยการแขวนภาพภูเขาที่สวยงามขนาดใหญ่ หรือประกาศนียบัตรทางด้านการศึกษาหรือการทำงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นเคล็ดสร้างพลังเกื้อหนุนค้ำจุน และช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำให้มีมากขึ้น


11. หน้าโต๊ะทำงาน ควรตั้งวางเก้าอี้จำนวน 2 ตัวเสมอ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ร่วมงานได้นั่งหรือเข้ามาพบ ลักษณะเช่นนี้ แม้ว่างานที่ทำจะเป็นงานที่ไม่ต้องรับลูกค้าก็ตาม ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ย ถือเป็นเคล็ดที่พร้อมจะต้อนรับโอกาสดีที่ผ่านเข้ามา


12. บนโต๊ะทำงาน ต้องไม่ตั้งวางสิ่งของจนรก หรือ วางของระเกะระกะ แต่ควรปล่อยให้บนโต๊ะมีพื้นว่างให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่ด้านหน้า ที่ใช้ทำงาน ทั้งนี้ เพราะในวิชาฮวงจุ้ยทักทายว่า ... ความรกบนโต๊ะหมายถึงความไม่เป็นระเบียบ หรือ นัยหมายถึงอุปสรรคในด้านต่างๆ ที่มีต่อภาวการณ์งานและการเงิน


13. ที่โต๊ะทำงาน หรือ ภายในห้องทำงานสมควรทำเคล็ดด้วยการประดับด้วยสัญลักษณ์หรือตัวแทนของเงิน เช่น การแขวนเหรียญจีนโบราณ 9 เหรียญ ที่ผูกด้วยด้ายแดงเอาไว้ด้านหลังพนักเก้าอี้ทำงานเพื่อสร้างให้มีพลังการเงินที่ดี หรือการติดเหรียญจีนโบราณจำนวน 3 เหรียญที่ผูกด้วยด้ายแดงเอาไว้บนสมุด บนปกแฟ้มสำคัญ บนโทรศัพท์ หรือ โต๊ะทำงาน เพื่อสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย


บนโต๊ะทำงานของผู้ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ให้ทำเคล็ดด้วยการตั้งวางลูกคิดเครื่องคิดเลข (ที่ใช้การได้เป็นอย่างดี) สมุดบัญชีรับ ทั้งนี้ ก็เพื่อดึงดูดเงินทองและความมั่งคั่งให้กับสถานที่ทำงาน

แก้เคล็ดฮวงจุ้ยส่งเสริมการทำงาน


แก้เคล็ดฮวงจุ้ยส่งเสริมการทำงาน


ที่ทำงานวุ่นวายมาก งานมีปัญหาบ่อย เจ้านายไม่ค่อยส่งเสริม
เพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา ให้แก้เคล็ดตามวันเกิดดังต่อไปนี้



คนเกิดวันอาทิตย์ 

มีปัญหากับเจ้านายควรจะเสริมดวงชะตาด้วยน้ำ 1 แก้วใหญ่หรือจะใส่ในแจกันแก้วใส
วางไว้บนมุมขวามือ ของโต๊ะทำงาน ห้ามนำไปดื่ม และเทน้ำทิ้งทุกวัน น้ำจะเป็นตัวตกกระทบพลังด้านลบต่างๆ และจะช่วยแก้ไขปัญหาให้
ค่อยๆเย็นลงได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานควรจะแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการนำต้นไม้ต้นเล็กๆมาวางบน
โต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง
จะเป็นบอนไซ ตะโกดัด หรืออะไรก็ได้ และควรจะมีดินด้วย แต่อย่าใช้ดินวิทยาศาสตร์
ที่ทำงานวุ่นวายเมื่อมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียด
ไม่สบายใจ ควรใช้หินโรสควอตซ์สีชมพูตกแต่งเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก็จะสามารถ
แก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน



ไม้มงคลประจำวันเกิด


ราชพฤกษ์
       

 
บัว
       คนเกิดวันอาทิตย์ : ไม้มงคลจะเป็นพวกไม้ดอกสีเหลือง หรือสีส้ม เนื่องจากสีเหลืองและสีส้มเป็นสีที่ถูกโฉลกและเป็นต้นไม้สิริมงคลของคนที่เกิดวันนี้ โดยเฉพาะ สำหรับไม้มงคลของคนเกิดวันอาทิตย์ที่น่าสนใจ ราชพฤกษ์หรือคูน โป๊ยเซียน(สีเหลืองหรือส้ม) โกสน (เน้นที่ใบมีสีเหลืองแซมเยอะๆ )ชบา(สีเหลืองและส้ม) จำปา (สีเหลืองอีกเช่นกัน)
     
       คนเกิดวันจันทร์ : ไม้มงคลควรเป็นไม้ที่มีดอกสีขาวหรือเหลืองจะถูกโฉลกมาก คนเกิดวันจันทร์จะมีต้นไม้มงคลให้เลือกปลูก ดังนี้ วาสนา โกสน (ชื่อพ้องกับคำว่า กุศล) ราตรี มะลิ มะม่วง กวนอิม โป๊ยเซียน แก้ว จำปี พลูด่าง กระถิน มะยม ชะพลู
     
       คนเกิดวันอังคาร : สีไม้มงคลของคนวันอังคารคือ สีแดง หรือชมพู ดังนั้นไม้ดอกที่ปลูก ควรเป็นสีใดสีหนึ่งในนี้ ซึ่งก็ได้แก่ กุหลาบ(แดงหรือชมพู) อัญชัน โกสน โป๊ยเซียน เข็ม ชบา พญายอ
     
       คนเกิดวันพุธ : ไม้มงคลสำหรับมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเกิดพุธกลางวันหรือกลางคืนจะมีไม้มงคลอย่างเดียวกัน คือไม้ที่มีดอกสีเหลืองเพราะเป็นสีต้องโฉลก โดยไม้มงคลที่เด่นๆก็มี กวนอิม วาสนา พลูด่าง โป๊ยเซียน กล้วย ราชพฤกษ์หรือคูน กุหลาบ โกสน ชบา
      

ผลไม้มงคลของไทย

ผลไม้มงคลของไทยมี5อย่างได้แก่
1. ลำไย เป็นผลไม้มงคล ซึ่งคนจีนบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับพิธีการสูง เพราะเชื่อกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความหวานชื่น สำหรับหนุ่มสาวในงานพิธีมงคลนั้นๆ ลำไยภาาจีนแปลว่า ดวงตามังกร ซึ่งมังกรเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้เมืองจีน ดังนั้นหมายถึง ความเป็นผู้ที่มีอำนาจ เป็นผู้นำปวงชน และเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ ฉะนั้น ลำไยคือผลไม้มงคลที่เชื่อว่า เป็นตัวแทนแห่งความรัก ความเป็นผู้นำ และความมีอำนาจวาสนา

2. ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ชั้นสูงของคนจีนมาเป็นเวลานานแล้ว มีเรื่องเล่ากันว่า ฮ่องเต้ของเมืองจีนในสมัยหนึ่ง ต้องให้ทหารผู้ที่ดูแลพระองค์จัดหาลิ้นจี่น ผิวสวยสีแดงสด เพื่อนำไปถวายพระมารดา และพระมเหสีของพระองค์เป็นประจำ จึงเกิดการแพร่หลายไปในขุนนางชั้นสูงต่อกัน จนเป็นที่รู้กันทั่วไป เพราะผลที่มีสีแดงของลิ้นจี่นี่เอง ทำให้เป็นที่นิยมนำลิ้นจี่ไปใช้ในงานมงคล ฉะนั้น ลิ้นจี่คือผลไม้ที่มีสีแดงสด ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคง

องค์ประกอบของการเขียนข่าว

องค์ประกอบของการเขียนข่าว

                ข่าวสารนับเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ต่อการบริหารงานประชาสัมพันธ์ การที่จะสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน จำเป็นต้องมีข่าวสารที่ดี ที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม การเลือกข่าวสารสำหรับเผยแพร่ จึงจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังให้องค์กรได้รับประโยชน์จากการเผยแพร่ข่าวสารทุกครั้ง ขณะเดียวกัน สิ่งที่ควบคู่กับข่าวสารก็คือ เครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม ซึ่งต้องมีการเลือกให้ถูกต้องเช่นกัน ข่าวสารที่มีมีคุณค่าต่อสังคม และใช้เทคนิคในการเขียนให้สอดคล้องกับแบบฉบับของสื่อแต่ละประเภท ย่อมจะได้รับการเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ข่าว คือการรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนความคิดเห็นของบุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ
ซึ่งประชาชนให้ความสำคัญและสนใจ รวมทั้งมีผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก สำหรับนักประชาสัมพันธ์ ข่าวก็คือหัวใจของงานประชาสัมพันธ์ ที่จะรายงานภารกิจ ความก้าวหน้าของหน่วยงานให้สาธารณชนทราบ การเขียนข่าวเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ และต้องมีเทคนิคในการสร้างความเข้าใจและความสนใจแก่ประชาชน ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการประชาสัมพันธ์ ยังขึ้นอยู่กับความถี่ของผลงานข่าว ที่นำเสนอในสื่อต่างๆ

โครงเรื่อง การสอน การพาดหัวข่าว และการเขียนข่าว


โครงเรื่อง การสอน การพาดหัวข่าว และการเขียนข่าว

1.การแนะนำ/เกริ่นนำเรื่อง “พาดหัวข่าว”

- คำจำกัดความ

- รูปแบบ

พาดหัวข่าวเต็มหน้า

หัวรอง

พาดหัวเริ่มเรื่อง หรือ “KICKER”

หัวข่าวต่อ

องค์ประกอบของภาพโปสเตอร์โฆษณา


องค์ประกอบของภาพโปสเตอร์โฆษณา มีอะไรบ้าง
องค์ประกอบของภาพโปสเตอร์โฆษณา

1. รูปภาพ(Picture)
2. พาดหัว (Headline)
3. พาดหัวรอง (Sub headline)
4. ข้อความบอกรายละเอียด (Body text)
5. ข้อความพิสูจน์กล่าวอ้าง (Proof)
6. ข้อความปิดท้าย (Closing)
7. ผู้พิมพ์และโฆษณา (Publishers)

การเขียน สื่อออนไลน์ เขียนอย่างไร



สื่อออนไลน์…เขียนอย่างไร?

ในการเขียนเพื่อสื่อออนไลน์นั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงเรื่องของการเขียนให้ “อ่านได้ง่าย” ตามที่กล่าวไปแล้วใน blog ก่อนหน้านี้

ผู้ผลิต / ผู้เขียน ควรมีวิธีที่จะทำให้ สื่อของเรานั้น “หาง่าย” ด้วย

“หาง่าย” ….. ตอบสนอง “Grab & Go”

ความหมายของลักษณะการเขียนให้ “หาง่าย” ในแบบแรกคือ ถ้ามีใครเข้ามาอ่านบทความของเรา เขาควรรู้ได้ทันที อย่างรวดเร็วว่า เนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรบ้าง มีเนื้อหาอยู่ตรงไหนบ้าง มีข้อมูล หรือ สื่อประกอบอะไรที่เขาจะเลือกดูได้ อยู่ตรงไหน อย่างไร และ มีข้อมูล หรือ link เพิ่มเติมเชื่อมโยงข้อมูลภายนอกอย่างไร

การเขียนที่ดีต้องทำให้มีลักษณะให้ผู้อ่าน Grab & Go คือเข้ามาคว้าสิ่งที่เขาต้องการได้ และ ไปต่อได้โดยง่าย

เผย 10 เศรษฐีหุ้นไทย และ ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย ปี 2554


วารสารการเงินธนาคารร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดอันดับเศรษฐีหุ้นในปี 2554
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ปี 2554 นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท  ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,520 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 2  นาย อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,490 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 นาย คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทบีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ถือหุ้นบีทีเอส  ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 12,742 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 นายวิชัย ทองแตง ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 11,804 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 นายแพทย์ปราเสริฐ   ปราสาททองโอสถ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,870 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 6  นายสาธิต วิทยากร ถือครองหุ้นรวมมูลค่า  9,483 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 7,569.ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อชั้นในยี่ห้อ ซาบีนา ถือครองหุ้นมูลค่า 6,328.48 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 เจ้าของสยามแก๊ส นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ถือหุ้นรวมมูลค่า 5,708 ล้านบาท
- เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัทศุภาลัย ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 5,422  ล้านบาท
ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554
- อันดับ 1 ตระกูลมาลีนนท์ ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 13 รวมมูลค่าความมั่งคั่ง 33,805 ล้านบาท
- อันดับ 2 ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธ์ ถือครองหุ้นบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตทรวมมูลค่า 22,167 ล้านบาท
- อันดับ 3 ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล เครือญาติในตระกูล 26 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 21,340.80 ล้านบาท
- อันดับ 4 ตระกูลอัศวโภคิน ถือครองหุ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 18,567.45 ล้านบาท
- อันดับ 5 ตระกูลทองแตง ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 15,328.38 ล้านบาท
ส่วนตระกูลชินวัตร ก้าวขึ้นจากอันดับ 39 ปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 30 ในปีนี้ โดย 2 ทายาทสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อิ๊ง) เศรษฐีหุ้นอันดับ 51 ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเซท (SC) มูลค่า 2,094.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 576.55 ล้านบาท และลูกสาวคนกลาง น.ส.พิณทองทา ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 52 ถือหุ้น SC มูลค่า 2,027.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 557.95 ล้านบาท รวมหุ้นตระกูลชินวัตรมูลค่า 4,121.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134.49 ล้านบาท

การจัดการการเงิน



การจัดการการเงิน

การจัดการการเงินของกิจการ คือ การทำให้มูลค่าของกิจการสูงสุด การทำให้เกิดความมั่งคั่งสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น โดยแสดงออกมาในรูปของราตลาดหุ้นสามัญสูงสุด

หน้าที่การจัดการการเงิน
1. การตัดสินใจลงทุน : การจัดสรรเงินทุนเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการมากที่สุด
1.1 การลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน : เงินสด หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด ลูกหนี้ สินค้าคงคลัง : ต้องตัดสินใจในสินทรพัย์หมุนเวียนแต่ละประเภท ในระดับที่ก่อให้เกิดความสามารถในการทำกำไรให้แก่ธุรกิจสูงสุด โดยมีสภาพคล่องที่เหมาะสม
1.2 การลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน : มักจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์งบลงทุน จะต้องพิจารณา
- ต้นทุนเงินทุน
- ความเสี่ยงในการลงทุน
- องค์ประกอบและคุณภาพของสินทรัพย์
2. การตัดสินใจจัดหาเงินทุน : แบ่งแหล่งเงินทุนเป็น
2.1 แหล่งเงินทุนจากเจ้าหนี้
- หนี้สินระยะสั้นหรือหนี้สินหมุนเวียน : ตั๋วเงินจ่าย เจ้าหนี้การค้า
- หนี้สินระยะยาว : การกู้เงินระยะยาว หุ้นกู้
2.2 แหล่งเงินทุนจากส่วนของเจ้าของ : หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ

โครงสร้างแผนธุรกิจ SME


โครงสร้างแผนธุรกิจ สำหรับ SMEs

1. บทสรุปผู้บริหาร     •  ความเป็นมาและสถานะของกิจการในปัจจุบัน
           -  ชื่อและที่ตั้งกิจการ / ชื่อผู้บริหารที่สำคัญ / ประเภทสินค้าที่ขาย / ยี่ห้อสินค้า (ถ้ามี)
           -  กลุ่มลูกค้าหลัก / ส่วนแบ่งตลาด / คู่แข่งที่สำคัญความสามารถในการแข่งขันของกิจการ
           -  ฐานะของกิจการ (เงินทุน-เงินกู้) และผลประกอบการในปัจจุบัน
      •  โอกาสทางธุรกิจ และแนวคิดในการจัดทำโครงการ
            -  ความเป็นมาของโครงการ / วัตถุประสงค์ของโครงการ (เพื่อขยายสาขา / เพื่อจัดตั้งกิจการใหม่ / เพื่อปรับปรุงกิจการ)
           -  การลงทุนในโครงการ และแหล่งที่มาของเงินทุน
      •  วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนธุรกิจ (เพื่อขอสินเชื่อ , หาผู้ร่วมลงทุน หรือปรับปรุงกิจการ เป็นต้น )
      •  กลยุทธ์ในการบริหารโครงการ
           -  ด้านการจัดการ / การจัดซื้อสินค้าและการบริหารสินค้าคงคลัง / การตลาด และการเงิน
      •  ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ
           -  ระยะเวลาคืนทุน (Pay -back Period)
           -  จุดคุ้มทุน ( Break-even Point )
           -  มูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน (NPV)
           -  อัตราผลตอบแทนของการลงทุน (IRR)


อานิสงส์การสวดมนต์


การสวดมนต์นั้นมีอานิสงส์ดังนี้

๑. สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น 

๒. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน 

๓. เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไรเลย 

๔. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น 

๕. เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวดมี กาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง 

บทสวดบารมี 30 ทัศ


บารมี ๓๐ ทัศ

ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

คาถาเงินล้าน


ปีใหม่2555 นี้ผมนำพระคาถาเงินล้านมาฝากทุกท่านขอให้รวยๆมีเงินล้านๆ

คาถาเงินล้าน
(ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง )

(ตั้ง นะโม ๓ จบ )

นาสังสิโม

พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)

ปีกุล ปีหมู


ปีหมู

อุปนิสัยชาวหมู
         เป็นที่เข้าใจกันว่า ชาวตะวันตกจำนวนไม่น้อย อาจจะรู้สึกไม่มีเกียรติหรือยินดีเท่าไหร่นัก เมื่อค้นพบว่าปีเกิดของตนตรงกับจักรราศี
ของชาวจีนเป็นปีหมู แต่ความจริงแล้ว จักรราศีทั้งหมดในจักรราศีของชาวจีน จักรราศีนี้เป็นจักรราศีที่มีความสุขที่สุด และความจริงสำหรับ
ใครเหล่านั้น ผู้ซึ่งโชคดีเกิดปีหมู อาจไม่กระหายต่อความร่ำรวยและอำนาจ แต่พวกเขาจะยินดีกับอุปนิสัย มีความสุข ความสบาย ความพอใจ
แทนที่

ปีจอ ปีหมา


ปีจอ

อุปนิสัยชาวจอ
         ถ้าคุณมองหาคนคนหนึ่ง ผู้ซึ่งรักษาคำพูด ใครผู้ซึ่งจะยืนหยัดอยู่กับคุณเวลาที่มีปัญหา และใครผู้ซึ่งคุณสามารถวางใจได้
เกือบทุกเรื่อง ตลอดเวลาจนความลับของคุณ ดังนั้นคุณควรพิจารณาผู้เกิดปีสุนัข
         แต่ถึงแม้ว่าสุนัขจะมีปอุปนิสัยที่เป็นมิตรด้วยง่ายก็ตามยังมีนิสัยชอบทะเลาะ ช่างระแวงสงสัยอีกด้วย และในขณะที่มีข้อเรียกร้อง
หลายๆ อย่าง จุดดึงดูดที่ลึกลับของชาวจักรราศีนี้ อาจทำให้เพื่อนที่ไว้วางใจได้หลายคน คุณจะโชคดีมากถ้ามีเพื่อนผู้เกิดปีสุนัข
หมายความว่า คุณจะได้เขาเป็นเพื่อนตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามากสำหรับคนภายนอกที่อาจเข้าใจผิด จากปฏิกิริยาภายนอก


ปีระกา ปีไก่


ปีระกา

อุปนิสัยชาวระกา
          ชาวจักรราศีนี้ มีเอกลักษณ์ที่มีความเคลื่อนไหวทีเร็วมากตื่นตัวตลอดเวลา นอกจากจิตใจที่เข้มแข็งยังมีความชำนาญรอบรู้ ทุกด้าน
มีการตัดสินใจเร็ว ๆไหวพริบเร็ว และมีสมรรถภาพในการแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นรองให้เป็นต่อขึ้นมา ชาวลิงอาจตระหนัก ในคุณสมบัติเหล่านี้
จากความสนใจกับสิ่งแวดล้อม ยังความชำนาญจากงานฝีมือประกอบกัน มีอาชีพทำเครื่องประดับ หรือแพทย์ผ่าตัด ในขณะที่บางส่วน
อาจใช้พรสวรรค์ด้านนี้กับอาชีพทนายนักสืบ จะทำให้มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จอย่างสูง 

ปีวอก ปีลิง


ปีวอก

อุปนิสัยชาวลิง
          ชาวจักรราศีนี้ มีเอกลักษณ์ที่มีความเคลื่อนไหวทีเร็วมากตื่นตัวตลอดเวลา นอกจากจิตใจที่เข้มแข็งยังมีความชำนาญรอบรู้ ทุกด้าน
มีการตัดสินใจเร็ว ๆไหวพริบเร็ว และมีสมรรถภาพในการแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นรองให้เป็นต่อขึ้นมา ชาวลิงอาจตระหนัก ในคุณสมบัติเหล่านี้
จากความสนใจกับสิ่งแวดล้อม ยังความชำนาญจากงานฝีมือประกอบกัน มีอาชีพทำเครื่องประดับ หรือแพทย์ผ่าตัด ในขณะที่บางส่วน


ปีมะแม ปีแพะ


ปีมะแม

อุปนิสัยชาวแพะ
          ในจักรราศีทั้งหมดของบรรพชนจีน แกะถูกจัดเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิงโดยตรง ด้วยคุณสมบัติที่สุภาพอ่อนโยน คิดถึงแต่ คนอื่น
และแสดงความรู้สึกส่วนตัวค่อนข่างง่าย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม จะเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นๆ รอบข้างอยู่ตลอด
เวลา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าปัญหาของชาวจักรราศีนี้อยู่ที่ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเอาตัวเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์หรือความสัมพันธ์ จากการที่เป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน จึงยากที่จะตัดใจหรือตัดใครได้ขาด และถ้าสักครั้งหนึ่งชาวจักรราศีนี้ได้พบคู่ที่เหมาะ แน่นอน
ความจริงใจ ความละเอียดอ่อน อย่างลึกล้ำแลtความรักย่อมผูกมัดคนสองคนเข้าด้วยกัน ชีวิตทั้งที่ทำงานและที่บ้านของคน


ปีมะเมีย ปีม้า


ปีมะเมีย

อุปนิสัยชาวมะเมีย
          เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับความเสมอภาคของชายและหญิงเกิดขึ้น คุณแน่ใจได้เลย ว่าผู้ที่ทำการยืนหยัดเกี่ยวกับ
เรื่องนี้ มักเป็นผู้ที่เกิดปีม้า เนื่องจากชาวราศีนี้ชอบเกี่ยวข้องในทันทีทันใดกับหัวข้อ ที่เกี่ยวกับความเสมอภาคของหญิงกับชาย 

ปีมะเส็ง ปีงู


ปีมะเส็ง

อุปนิสัยชาวมะเส็ง
          ตามตำนานเก่าแก่ของบรรพชนจีน ชาวงูมีภาพพจน์และลางสังหรณ์ที่สูงมากเกี่ยวกับความถูกต้อง แต่ทางตะวันตกได้จัดให้งู
เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ชาวงูเป็นที่รู้จักกันในด้านความชอบความโอ่อ่าสวยหรู ในเรื่องแฟชั่น พวกเขามีรสนิยมของเขาเอง
และแสดงออกในสังคมทุกครั้งด้วยความมั่นใจในตนเองรักวัฒนธรรม มักได้รับความเคารพยกย่องจากสังคมโดยที่ไม่ต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง

ปีมะโรง ปีงูใหญ่ ปีมังกร


ปีมะโรง

อุปนิสัยชาวมะโรง
          คุณคาดหวังได้เลยว่าบุคคลในจักรราศีมังกรมีความพิเศษกว่าทั้งหมด เป็นสัตว์จากเทพนิยายเพียงชนิดเดียวจากสิบสองจักรราศี
ดังนั้น ชาวมังกรถูกจัดเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจหน้าที่อีกด้วย ตำนานย้อนไปอีกไกลในอดีต ว่ายังเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาง
ในยุคเอมเบอเรอ ตามจริงบรรพชนจีนต้องการให้บุตรหลานเกิดปีมังกรซึ่งต่างเชื่อว่า เด็กเกิดปีนี้จะก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโต
ระดับปกครองกันทุกคน